ลุงวัย 67 ปี ที่สาววัย 22 อ้างว่ามีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน 10 ครั้ง ออกมายอมรับแล้ว เจียดเอาเงินเบี้ยคนชรามาซื้อครั้งละ 100-200
วันที่ 6 มิ.ย.67 จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี แจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าถูกแม่แท้ๆบังคับให้ขายบริการให้กับผู้ชายเพื่อเอาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ
ต่อมา พ.ต.อ จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ไปพบ น.ส.กัลยา อายุ 44 ปี แม่สาวอายุ 22 ปี ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง ในต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
โดย น.ส.กัลยา เล่าว่า จริงๆแล้วตนกำลังตามหาลูกสาว เพราะหายออกจากบ้านไปเมื่อ 2 วันก่อน ไม่คิดว่าลูกจะไปที่มูลนิธิฯที่เคยอยู่ สาเหตุที่ลูกสาวไปที่มูลนิธิฯ คาดว่าน่าจะเกิดอาการทางจิตเวช เพราะเคยไปรักษาและรับยามากินเป็นประจำ
จากคำบอกเล่าของลูกที่กล่าวหาว่าตนพาไปขายบริการนั้นไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น คาดว่าลูกน่าจะเอาเหตุการณ์ที่ประสบมา คือมักจะถูกผู้ดูแลบ้านพักชวนไปหลายครั้งตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการเสพยานั้นตนยอมรับว่าเสพจริง
ล่าสุดตำรวจได้นำตัวนายวิรัตน์ อายุ 67 ปี ลุงคนดูแลห้องเช่ามาสอบสวน โดยนายวิรัตน์ อ้างว่า น.ส.เอ มักจะมาเคาะที่ประตูห้องพัก รบเร้าเป็นประจำ ยอมรับว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กับ น.ส.เอ จริงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยตนเองจะนำเงินจากเบี้ยคนชรา ซึ่งได้เดือนละ 600 บาท มาจ่ายครั้งละ 100-200 บาท และมารู้ภายหลังจาก น.ส.เอป่วยเป็นจิตเวช เพราะเห็นเดินทั่วหมู่บ้าน
ด้านน.ส.กัลยา แม่หญิงวัย 22 ปี กล่าวว่ายืนยันไม่เคยบังคับลูกสาวให้ขายบริการทางเพศ มีแต่ห้ามปราม ยอมรับว่าเคยทำร้ายลูกเพราะไม่เชื่อฟัง แต่เสพยาบ้าแค่อาทิตย์ละ 1 ครั้งเท่านั้น
ขณะที่ชาวบ้านใกล้เคียง กล่าวว่า เมื่อหลายวันก่อนได้ยินเสียง น.ส.เอ ร้องขอความช่วยเหลือถูกแม่เอาไม้ตีที่ขาหลายครั้ง และร้องว่า “แม่ทำหนูทำไมหนูเจ็บ” ซึ่งตนก็นั่งมองอยู่ แต่ไม่รู้ว่าตีลูกเพราะอะไร
ส่วนทางด้านคดีตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้แจ้งข้อหานายวิรัตน์ ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ“ และน.ส.กัลยา แม่ผู้เสียหาย ตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง ซึ่งยอมรับว่าเพิ่งเสพยาบ้ามา และถูกแจ้งข้อหา “เป็นธุระจัดหาเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น“เพิ่มอีก 1 ข้อหา.
Advertisement