โจ๊กไม่เจี๊ยบ!กลับลำ ร้อง ป.ป.ช.สอบนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปมแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย
วันนี้ (3ก.ค.67)พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เดินทางมาที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมายื่นเรื่องที่สำคัญ 2 เรื่อง
เรื่องแรกเป็นคดีที่เกี่ยวกับตนเองที่อยู่ในชั้น ป.ป.ช. ที่พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ได้ส่งสำนวนคดีฟอกเงินมายังป.ป.ช. โดยตนเอง ได้มายื่นเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นการยื่นเอกสารในรายละเอียดต่างๆ เรื่องคดี ซึ่งรายละเอียดขอไม่เอ่ยถึง เพราะเป็นรายละเอียดในคดี เป็นการยื่นตามขั้นตอนของกระบวนการ ดังนั้นขณะนี้เมื่อสำนวนมายังป.ป.ชแล้ว สถานะตนเองก็เปลี่ยนไป จากเดิมสถานะเป็นผู้ต้องหา เมื่อส่งสำนวนมาที่ ป.ป.ช. กรณีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สถานะตนเองก็จะเปลี่ยนจากผู้ต้องหา เป็นผู้ถูกตรวจสอบ
โดยขั้นตอนการตรวจสอบของป.ป.ช. มี 3-4 ขั้นตอน หากตรวจสอบแล้วมีมูล ก็ต้องตั้งไต่สวน หากตั้งไต่สวนแล้ว มีหลักฐานเพียงพอว่าผิด ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ก็ให้นำพยานหลักฐานต่างๆมาหักล้าง และมาชี้แจง ถ้าฟังได้ว่า เป็นผู้กระทำความผิด ก็ต้องชี้มูล และส่งสั่งฟ้องคดี ไปยังพนักงานอัยการ ดังนั้นในกฎหมายป.ป.ช.จึงมีหนังสือแจ้งเวียน ทุกส่วนราชการ ว่าตราบใดก็ตามที่ป.ป.ช.ยังไม่ชี้มูล ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นหลักกฎหมาย วันนี้ตนจึงนำ ข้อมูลเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะต้องใช้ต่อสู้คดี มายื่นตามกระบวนการขั้นตอน
ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ คือมายื่นกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ความผิดเกี่ยวกับปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คือเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ครั้งที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ได้มายื่นเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้ถอนฟ้องไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย.เนื่องจากเป็นการฟ้องซ้ำกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและอดีต ผบ.ตร. ที่ได้ยื่นฟ้องนายกฯไปก่อนหน้านี้
แต่เมื่อทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ถอนฟ้องไป ตนเองจึงมายื่นฟ้องใหม่ เพราะว่าการแต่งตั้งผบ. ตร ตามหลักเกณฑ์ มีอยู่ 2 ข้อคือ 1. อาวุโส 2. ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ในการสืบสวนสอบสวน งานป้องกันปราบปราม แต่ถ้าไปฟังในคลิปต่างๆ ที่มีการแถลงแต่งตั้งผบ.ตร. ซึ่งนายกฯ ให้เหตุผลว่า สนองนโยบายรัฐบาลได้ เป็นที่ไว้วางใจ ซึ่งไม่ใช่หลักกฎหมาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป องค์กรนี้ ก็ไม่ต้องใช้พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับนี้ หากไม่ใช้พ.ร.บตำรวจฉบับนี้แล้วก็ควรต้องแก้ไปเลย
ดังนั้นเมื่อยังมีพ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับนี้อยู่ ก็ต้องยึดตามหลักกฎหมาย และอย่าเข้าใจผิดว่าการที่นายกฯ ไม่ยกมือ ไม่ได้หมายความว่าความผิดนั้นไม่เกิด เพราะว่านายกฯเป็นผู้เสนอชื่อ
อีกทั้งการพิจารณาที่ผ่านมา พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เป็นผู้อาวุโส 1 ส่วนตนเองอาวุโส 2 หากว่าตามสิทธิ์ อาวุโส พล.ต.อ.รอย ต้องเป็น ผบ.ตร. แต่ว่าตอนนี้พล.ต.อ.รอย โอนไปเป็นเลขาสมช.แล้ว ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ทำไปตามกระบวนการ
“โดยวันนี้ผมยื่นตัวเองเป็นพยานผู้เสียหาย เพื่อจะได้ติดตามคดี และป.ป.ช.พิจารณาอย่างไร ป.ป.ช.ก็จะแจ้งผลมาให้ตนทราบและ ตนก็จะมาแจ้งให้ประชาชนทราบเช่นเดียวกัน เพื่อจะได้ทราบว่าการพิจารณาของป.ป.ช. นั้นเป็นอย่างไร การดำเนินการจะต้องโปร่งใส เปิดเผย ที่ผ่านมาเมื่อไม่มีพยานผู้เสียหาย มันก็ไม่มีใครมาติดตาม คดีแบบนี้ “
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังยืนยันว่า จะมีการแจ้งความ กูรู้เพิ่ม แต่ยังขอไม่เปิดเผยชื่อ อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ทุกอย่างทำตามกระบวนการของกฎหมาย
Advertisement