ล่าคนร้ายทิ้งโครงกระดูกปริศนา ในเตาเผาศพวัดดังชัยนาท สัปเหร่อและชาวบ้านเชื่อมีคนเเอบเอาเข้ามาอำพรางคดี
จากกรณี วันที่ 6 ก.ค.67 ร.ต.อ.ชัยมงคล เหมือนสนธิ์ รองสว.(สอบสวน) สภ.สรรคบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง ต.เที่ยงแท้ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท พบโครงกระดูกคนถูกเผายังไหม้ไม่หมด ค้างอยู่บนตะแกรงเหล็กภายในเมรุ จึงประสานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชัยนาทเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณเมรุ ซึ่งอยู่ด้านหลังวัด โดยมีศพชาวบ้านเตรียมเผาวันนี้ แต่ได้แจ้งเจ้าภาพเลื่อนการเผาไปเป็นวันพรุ่งนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเก็บหลักฐานตรวจสอบ เพื่อหาตัวตนของโครงกระดูกดังกล่าวสืบหาคนหายในพื้นที่นอกพื้นที่และคนที่นำศพมาเผาโดยพลการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด วันนี้ (7 ก.ค.67) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมาที่ วัดวิหารทอง หมู่ 7 บ้านโคกหม้อ ต.เที่ยงแท้ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โดยพบว่าในวันนี้ เจ้าอาวาสไม่อยู่วัด มีกิจนิมนต์ที่กทม. โดยพระในวัดนี้จะมีทั้งหมด 5 รูป โดยคนที่มีกุญแจประตูเมรุจะมีอยู่ 2 คน คือ เจ้าอาวาสกับสัปเหร่อ โดยวันนี้สัปเหร่อเข้ามาที่วัดอีกครั้งในช่วงเวลา 13.00 น. ที่มีการเผาศพของชาวบ้านที่ถูกเลื่อนกำหนดมาจากเมื่อวานนี้
โดยทีมข่าวสังเกตว่า บริเวณเมรุอยู่ด้านข้างวัดติดกับเเม่น้ำน้อย ส่วนรอบวัดไม่มีรั้วรอบขอบชิด ชาวบ้านสามารถเข้า-ออกวัดได้หลายเส้นทาง โดยวัดสามารถเข้า-ออกได้หลักๆ คือ 4 จุด เเต่ถนนที่สามารถเชื่อมมายังวัดมีหลายเส้นทางประมาณ 6 เส้นทาง
เส้นทางที่ 1 เข้าจากทางถนนชนบท ทางไปถึงเมรุ
เส้นทางที่ 2 มาจากทางหมู่ 7 บ้านโคกหม้อ
เส้นทางที่ 3 อ้อมมาจากทางหมู่ 5-6 ต.เที่ยงเเท้
เส้นทางที่ 4 เป็นสะพานไม้ รถใหญ่บ้านไม่ได้ มาจากทางต.แพรกศรีราชา
เส้นทางที่ 5 เป็นสะพทนปูน รถจยย.เเละรถยนต์ สามารถขับผ่านได้ มาจากทาง ต.แพรกศรีราชา
ส่วนด้านบนเมรุ มีประตูรั้วเหล็กปิดกั้นเเละมีเเม่กุญแจล็อกไว้ ส่วนประตูเตายังคงเปิดเเง้มไว้ ส่วนหน้าต่างไม้ 4 บาน (ข้างละ 2 บาน) ถูกปิดไว้ เเต่สังเกตด้านในหน้าต่างไม่ได้มีการลงสลักกลอน ส่วนรอบเตามีช่องทางเดินรอบได้
นอกจากนี้ทีมข่าวสังเกตบริเวณภายนอกเมรุ พบว่า ตรงจุดฐานเมรุมีคานรอบฝั่งหน้าต่าง ที่คนสามารถยืนได้
ก่อนที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 1 จะลงพื้นที่รอบเมรุ เเละมีการพูดคุยกับลุงสัปเหร่อ
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายวน จันทร์เงิน สัปเหร่อของวัด เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งจะมาทำหน้าที่สัปเหร่อยังไม่ถึง 1 เดือน ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
โดยเมื่อวานนี้มีงานเผาศพ ตนจึงขึ้นมาเตรียมจะใส่ถ่านในเตา ปรากฏว่าตอนนั้นเห็นว่า บริเวณประตูรั้วเหล็กหน้าเตาถูกแง้มเปิดไว้ ส่วนหน้าต่างก็เปิดไว้เเล้วเช่นกัน ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าทางเจ้าอาวาสให้กุญแจมาเปิด เพื่อที่จะเตรียมทำความสะอาดเตา เเต่พอตนเปิดเตาเข้าไปดูก็เจอโครงกระดูก สภาพลักษณะคล้ายยังเผาไหม้ไม่หมด ยังมีชิ้นเนื้อติดด้านหลังอยู่ ไม่มีเสื้อผ้าเเล้ว เเต่ด้านบนเหลือเเต่กระดูก มองไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ส่วนเตาก็เย็น ไม่มีความร้อนเลย จึงรีบไปตามท่านเจ้าอาวาสมาดู ก่อนจะตามตำรวจ
โดยศพล่าสุดที่เพิ่งจะเผาไปคือเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา เเละมีการเก็บกระดูกในช่วงเช้าวันที่ 1 ก.ค.67 ตอนนั้นทุกอย่างก็ปกติ จนเมื่อวานนี้มาเจอกระดูก เเต่ตนก็ไม่ได้ตกใจอะไร รู้สึกเฉยๆ ตนเห็นมาหลายศพเเล้ว
ยืนยันว่าหลังจากศพล่าสุดก็ไม่มีงานศพใครอีก เเละไม่ได้ใช้เตาเผาเลย จึงไม่รู้ว่าเป็นใครที่เเอบเข้ามา ซึ่งบริเวณหน้าต่างข้างเมรุ ก็เเค่ปิดงับไว้เฉยๆ ไม่ได้ลงกลอนจริงๆ ส่วนฐานด้านล่างที่เชิงตะกอนตกลงมา ก็มีช่องเเค่เล็กนิดเดียว ไม่มีทางที่คนจะขึ้นไปได้เเน่นอน
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสำเนียง อายุ 63 ปี ชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามวัด เผยว่า ตนเองอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด เยื้องๆเมรุ ก็ไม่เคยเห็นควันไฟมาก่อนเลย ส่วนพวกเเม่ค้าที่ขับรถผ่านบ่อยๆ ก็ไม่มีใครเห็นควันหรือได้กลิ่นควันเลย
ส่วนในพื้นที่เเละต่างหมู่บ้านเองก็ไม่มีคนหายทั้งคนไทยเเละคนต่างด้าว ส่วนต่างด้าวก็ไม่มีในพื้นที่มาสักระยะเเล้ว จึงคาดว่าน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่
ส่วนศพล่าสุดที่เผาก็คือเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.67 วันที่ 1 ตอนเช้าก็มาเก็บกระดูกประมาณ ตี 5 หรือ 6 โมงเช้า ตอนนั้นก็ปกติดี จึงสันนิษฐานว่ากรอบระยะวันที่เกิดเหตุ น่าจะเป็นช่วงวันที่ 1-3 ก.ค. เเละไม่มีงานศพเลย
ไม่น่าจะใช่วันที่ 4-5 เพราะถ้าเผาจริง เตาจะร้อนมาก เมื่อวานยังไงตอนที่เจอศพเตาก็ต้องร้อนอยู่ อีกทั้งจะต้องมีการมาตรวจดูเตา เพื่อเตรียมเผาศพต่อไปของชาวบ้านในพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ต้องสงสัย ก็ไม่มีรถแปลกๆขับผ่าน เพราะปกติเเล้วถนนเส้นหลังวัดที่ติดกับเมรุ จะมีชาวบ้านใช้ถนนขับไปตลาดเป็นประจำ เเละเป็นทางลัดไปทางอำเภอชัณสูตร เเละไปทางอำเภอบางระจัน ของจังหวัดสิงห์บุรีได้ ส่วนในช่วงกลางคืนก็จะมีกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านขี่รถผ่านไปมาบ่อยอยู่เเล้ว ส่วนกุฏิของพระก็อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ส่วนสาเหตุที่คนก่อเหตุเลือกวัดนี้ ตนคิดว่าเป็นเพราะวัดนี้อยู่ติดถนนที่สามารถสัญจรผ่านได้หลายเส้นทาง เข้า-ออกง่าย ทั้งๆที่วัดใกล้ๆ ส่วนใหญ่เองก็ไม่มีรั้วเช่นกัน เเต่ทางเข้าออกลำบากกว่า
Advertisement