เจ้าคณะตำบลตั้งกรรมการสอบแล้ว หลวงตาวัย 83 ปี บุกทวงหนี้เงินกู้ทะเลาะมีปากเสียงแม่ค้าทอดมันกลางตลาด
ความคืบหน้ากรณี หญิงอายุ 58 ปี และหญิงอายุ 63 ปี ได้เข้าพบกับ พระผู้ช่วยเจ้าอาวาส ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อร้องเรียนพระลูกวัดรูปหนึ่ง อายุ 83 ปี แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขณะเดินบิณฑบาตและทวงหนี้เงินกู้กับแม่ค้า
ล่าสุด พระมหาเพชร (ภทุทจาโร) พระวินยาธิการหรือตำรวจพระ พร้อมคณะสงฆ์ น.ส.พรอิศรา ทองเจริญ ปลัดอำเภอพระประแดง ฝ่ายความมั่นคง และร.ต.อ.รัชชานนท์ ยิ่งสมบัติ รองสวป.สภ.พระประแดงได้นัดหมายกันและจะเดินทางไปที่วัดครุใน ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ได้พบกับพระมหาวงษ์ กิตติคุณโสภโณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอรองเจ้าอาวาสวัดครุใน เพื่อรายงานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและให้เรียกพระสง่า พระที่ถูกร้องเรียน มาสอบถามข้อเท็จจริง แต่ปรากฏว่าพระสง่าได้ลาไปที่จังหวัดสระบุรีตั้งแต่หลังเกิดเหตุ
จากนั้นทางคณะและเจ้าหน้าที่ได้เดินไปตรวจสอบที่กุฏิของพระสง่า พบว่าประตูด้านหน้าล็อกด้วยกุญแจ จึงได้โทรศัพท์ไปหาพระสง่า ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระสง่าได้แจ้งว่าขณะนี้ตนอยู่ที่จังหวัดสระบุรีเพื่อมาทำธุระและยังไม่ทราบกำหนดว่าจะกลับเมื่อไหร่ หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางพระสง่าก็ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และเรื่องเงินที่กู้ไป เป็นการที่คู่กรณีแม่ค้าขายทอดมันกับชาวบ้านนั้นแม่ค้าได้ขอยืมเงินไปจริง ในวงเงินจำนวน 30,000 บาท ซึ่งมาด้วยกัน 3 คน นั่นคือรอบแรก ส่วนรอบที่ 2 ก็ได้มายืมเงินอีก และได้ยื่นข้อเสนอให้ดอกเบี้ยร้อยละ 5 เอาเงินไปประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยส่งคืนเลย พอเจอหน้า พระสง่าจึงได้ทวงถามก็บอกปัดเดี๋ยวมีเอาไปให้ ปัดอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ จนบางครั้งก็มีปากเสียงกัน
ก่อนหน้านี้ 1 เดือนทางพระสง่า ก็โดนเรียกไปที่วัดครุนอก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนไปทางเจ้าคณะตำบลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ ซึ่งมีสำนักพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ กอ.รมน.จังหวัดสมุทรปราการ ฝ่ายปกครองอำเภอพระประแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระประแดง เรื่องการเดินบิณฑบาต พบพระปักหลักบิณฑบาตที่ร้านขายของใส่บาตร แล้วพระสง่าก็มีเรื่องการปล่อยเงินกู้ ทางเจ้าคณะตำบลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ได้สอบถาม จากนั้นจึงได้ทำทัณฑ์บนว่ากล่าวตักเตือน แต่หากพบว่ามีรูปใดกระทำความผิดซ้ำอีกจะทำการสึกลาสิกขาโดยทันที จึงได้มีการลงบันทึกข้อความไว้เป็นหลักฐาน
จนมาพระสง่าได้มีเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก ทางรองเจ้าอาวาสวัดครุในจะทำการติดตามเรียกตัวพระสง่ามาเข้าสู่ระบบการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเจ้าคณะตำบล และส่วนทางด้านกฎหมายนั้น ตำรวจจะรอให้ผู้เสียหายแม่ค้าที่ขายทอดมันและชาวบ้านที่ถูกพระต่อว่ามาแจ้งความร้องทุกข์เสียก่อน หากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Advertisement