ผอ.โรงเรียนเปิดหน้าสู้ ยันไม่ได้ลวนลาม หรือล่วงละเมิดเด็ก แต่เป็นปัญหาภายในโรงเรียน ขณะที่ สพฐ.สั่งย้ายแล้ว
จากกรณีที่เพจอีซ้อขยี้ข่าว3 ได้โพสต์ภาพนักเรียนหญิง ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี 27 คน รวมตัวแจ้งความผู้อำนวยการโรงเรียน โดยอ้างว่าถูกผู้อำนวยการโรงเรียนลวนลาม
ล่าสุดวันนี้ (11ก.ค.67 )บรรยากาศที่โรงเรียนวัดโพธิ์งาม ตำบลหนองยายโต๊ะ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ขณะนี้ได้ขึ้นป้ายบุคคลภายนอกห้ามเข้า พร้อมปิดประตูโรงเรียนห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในโรงเรียน โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาเขตสองจังหวัดลพบุรีเข้ามาอยู่ภายในโรงเรียน
ขณะที่นายนิติศักดิ์ กลิ่นเทศ ผอ.โรงเรียนวัดโพธิ์งาม ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า ยืนยันว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริงสามารถตรวจสอบได้ และตัวเองพร้อมสู้คดีกับข้อกล่าวหาทั้งหมด อีกทั้งตนเองเป็นลูกหลานบ้านหนองยายโต๊ะ อำเภอชัยบาดาลจังหวัดลพบุรี คงไม่ทำให้เสื่อมเสียเชื่อเสียง
สำหรับเหตุการณ์นี้ น่าจะเกิดจากปัญหาของตัวเองกับครูท่านหนึ่งที่มีเรื่องขัดแย้งกัน เรื่องมาโรงเรียนสาย และมีการตำหนิกันจนทำให้เป็นข้อพิพาทกันขึ้น ซึ่งขณะนี้ตัวเองได้มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขตสองตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2567ที่ผ่านมา ซึ่งทางเขตพื้นที่การศึกษาได้มีการตั้งกรรมการสอบอยู่ ซึ่งก็ยังไม่พบอะไร พร้อมกับย้ำว่าไม่มีการลวนลาม และได้มีแจ้งความกับครูคนดังกล่าวไว้แล้วที่สภ.ท่าหลวง
“การกล่าวหาว่าตัวเองลวนลามนั้นมันไม่มีมูลความจริงสามารถตรวจสอบกับนักเรียนคนอื่นๆซึ่งมีกว่า 200 คนในโรงเรียนได้หรือแม้แต่ครูคนอื่นๆรวมถึงกรรมการสถานศึกษาชาวบ้านในพื้นที่ได้เลยตัวเองพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในทุกพื้นที่”
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวเจี๊ยบ(นามสมมุติ) แม่ของเด็กนักเรียนชั้น ป.5 เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาลูกสาว เคยโดน ผอ. ลูบหัว ลูบไหล่ หลายครั้ง ส่วนตัวมองว่าถ้าลูบแค่หัวอาจจะมองได้ว่าเอ็นดูเด็ก แต่ถ้าลูบไหล่ ถึงหลัง ลักษณะก็คล้ายกับลวนลาม
นอกจากนี้ลูกสาว ก็เคยมาเล่าให้ฟังว่า เพื่อนรุ่นพี่ถูก ผอ.คนนี้จับแขน แล้วด้วยความเป็นเด็ก แขนยังเล็กอยู่ ทาง ผอ.ก็เอานิ้วไปโดนที่หน้าอกของเด็ก ซึ่งการทำแบบนั้นมันเหมือนเป็นการลวนลามเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่เด็ดที่โดนมักจะเป็นเด็กโตที่เรียนชั้นมัธยม
นอกจากนั้น ผอ. คนนี้ก็มักจะมีปัญหากับครูในโรงเรียนเป็นประจำ และมีปัญหากับครูหลายคน เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินที่เอามาใช้ในโรงเรียน ทั้งเงินสร้างโดม และซ่อมแซมจุด ซึ่งลูกสาว ก็เคยมาเล่าให้ฟัง โดยบอกว่า “แม่เงินโรงเรียนใกล้หมดแล้วนะ” ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเงินหายไปไหนกันแน่ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในโรงเรียน
หากหลังจากนี้ ผอ. คนนี้ไม่ย้ายออกไปจากโรงเรียน ตนเองก็อาจจะต้องให้ลูกสาวของตนเอง ไปเรียนที่อื่น เพราะไม่มั่นใจว่าลูกจะปลอดภัยหรือไม่
ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กล่าวว่า ล่าสุดได้เซ็นหนังสือสั่งย้าย ผอ.โรงเรียนที่ถูกกล่าวหา ให้มาประจำที่ สพฐ.กระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มารายงานตัวโดยตรงกับตนเองภายในวันนี้ เพราะถือว่าเป็นระดับ ผอ. ทำตัวไม่เหมาะสม พร้อมตั้งกรรมการของ สพฐ.ขึ้นมาตรวจสอบอีกชุด ให้มีสรุปภายใน 7 วัน หากมีมูลจะให้ออกจากราชการไว้ก่อน สำหรับโทษสูงสุด คือ ปลดออกหรือไล่ออก ขณะเดียวกัน ได้ทำหนังสือรายงานถึงคุรุสภา ซึ่งดูแลใบประกอบวิชาชีพครูด้วย
เรื่องนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้กำชับเด็ดขาด สั่งห้ามเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเรื่องที่ที่โรงเรียนปทุมคงคา แม้จะเป็นเพียงโรงเรียนเดียว แต่สร้างความเสียหายแก่โรงเรียน สพฐ.กว่า 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ
Advertisement