รอง ผบช.น. เผยคดี สาวจีนหายปริศนา พบมีการนัดเจอกับผู้ต้องสงสัย และตรวจเจอคราบเลือดในห้องน้ำ และท้ายรถผู้ต้องสงสัย ทั้งคู่ เข้า-ออกไทยบ่อยครั้ง
จากกรณี น.ส.เหยียน รุ่ยหมิน นักศึกษาชาวจีน หายตัวไปปริศนา โดยบอกกันเพื่อนนักศึกษาชาวจีนว่า จะเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 2 กรกฎาคม ก่อนที่จะขาดการติดต่อไป
ก่อนจะมีบุคคลปริศนาติดต่อไปทางญาติของผู้สูญหาย ว่าได้จับ น.ส.เหยียน รุ่ยหมิน ไว้ โดยมีการข่มขู่เรียกค่าไถ่เงิน 1 ล้านหยวน ตีเป็นเงินไทยเกือบ 5,000,000 บาท และสั่งห้ามแจ้งตำรวจและสถานทูตเด็ดขาดมิฉะนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย และมีรายงานว่าจากการตรวจเช็กพิกัดนักศึกษาสาวชาวจีน พบจุดสุดท้ายที่บางปะกง และพบว่ากระเป๋าถูกเผา
ล่าสุดพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้แถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดี ระบุว่า หลังจากพบว่ามีการเผากระเป๋าของผู้สูญหาย เมื่อคืนนี้ก็ได้แบ่งชุด กระจายกำลัง 12 จุด เพื่อค้นหาว่า ผู้สูญหายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรือพลัดหลงอยู่จุดใด และหากสียชีวิตแล้ว จะมีสภาพเป็นศพทั้งตัว หรือมีการแยกชิ้นส่วน เนื่องจากว่ จุดที่คนร้าย ได้มาเข้าเขตของ พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ 22.30 น.ก็ปรากฏว่าอยู่ยาว จนถึงเกือบ 6 โมงเช้า ซึ่งเขาไปหลายจุดมาก ประมาณ 12 จุด ณ วันนี้ได้ประชาสัมพันธ์กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ให้ช่วยกันกระจายข่าว หากพบเห็นตัวคนร้าย หรือผู้สูญหาย รวมทั้งมีกลิ่นอะไรแปลกๆ คล้ายกลิ่นที่เน่าแล้ว ให้แจ้งมาที่ตำรวจ เพื่อเป็นประโยชน์ กับทางรูปคดี
ส่วนตัวคนร้าย ตำรวจได้ประสานกับทางตม. และก็กองการต่างประเทศ ประสานงานกับสถานทูตจีน เพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ซึ่งพบว่าบ้านของคนร้ายอยู่ในมณฑลอันฮุย ติดกับมณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นบ้านของผู้สูญหาย
ส่วนทางญาติก็รับทราบเพียงว่าลูกสาวซึ่งเป็นดาว tiktok เล่นโซเชียล และได้เข้ามาเมืองไทย ประมาณ 10 ครั้งแล้ว ย้อนหลังไป 5 ปี ส่วนตัวผู้ต้องสงสัย ได้เข้ามาเมืองไทย 6 ครั้ง ย้อนหลังไป 7 ปี รวมๆแล้วทั้งสองคนก็เคยเข้าเมืองไทยมาด้วยกัน
โดยจากภาพวงจรปิด ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสอง ก็เชื่อว่ารู้จักกัน เนื่องจากว่า หลังจากที่ทางผู้สูญหายได้เข้ามาเมืองไทย ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. วันที่27 มิ.ย. ก็อยู่กรุงเทพฯ วันที่ 28-29 มิ.ย.ก็เดินทางไปที่พัทยา ปรากฏว่าช่วงระหว่างเดินทางไปพัทยา ก็ประสบอุบัติเหตุ มีการแจ้งความ ที่สภ.เมืองพัทยา
จากนั้นตำรวจจึงได้ไปสอบปากคำเพื่อนที่ไปด้วยกัน 2 คนแล้วเรียบร้อย ก่อนจะพบว่า ผู้สูญหายกลับเข้ามากรุงเทพฯวันที่ 30 มิถุนายน และเดินทางไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เปิดพักชั่วคราวประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางมาที่หมู่บ้านของเพื่อนที่พระราม 9
จากนั้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ได้เลข Grab ให้ไปส่งที่สุขุมวิทซอย 12 โดยมีผู้สูญหายไปยืนรอ และก็พบรถเก๋ง ที่ทางผู้ต้องสงสัยเช่ามา จอดรอรับช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นรถ เพราะฉะนั้นเชื่อว่ามีการนัดแนะ น่าจะรู้จักกันกับคนร้าย หรือผู้ต้องสงสัยเป็นอย่างดี จึงประเมินว่า อยากให้ทางสถานทูตช่วยตรวจสอบประวัติข้อมูลทั้งหมด
รวมทั้งหลังจากที่มีการก่อเหตุเกิดขึ้น ซึ่งมีการเผา กระเป๋าของผู้สูญหาย และทางตัวผู้ต้องสงสัยกับรถเก๋ง กลับมาเข้าเขตกรุงเทพฯ ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งโรงแรมดังกล่าว อยู่แถวแยกศรีนครินทร์ ได้ให้กองพิสูจน์หลักฐาน ทำการ ตรวจห้องพักดังกล่าว ปรากฏพบ จากสารเคมีที่สาดไป เพื่อตรวจคราบเลือดพบว่าสามารถถ่ายภาพเป็นแสงสีฟ้าได้ บริเวณในห้องน้ำ หน้าอ่างล้างหน้า 2 จุด
และยังได้ตรวจรถเช่าบริเวณด้านกระโปรงหลังจากการสาดสารเคมี ก็ขึ้นแสงสีฟ้าเช่นเดียวกัน ขึ้นมาเป็นคราบเลือด ซึ่งทางกองพิสูจน์หลักฐานได้จัดเก็บ DNA ไปแล้ว
โดยพนักงานสอบสวนจะพยายามรวบรวมหลักฐานทั้งหมดในการดำเนินคดีกับคนหลายรายนี้ หรือไม่ โดยในวันนี้จะร่วมมือ กับฝ่ายสืบสวน สภ.ของจังหวัดฉะเชิงเทราและประชาชน โดยขอประชาสัมพันธ์ว่าหากผู้ใด หรือประชาชนท่านใด พบเห็นผู้เสียหาย หรือพบเกี่ยวกับสภาพของศพหรือชิ้นส่วนของศพก็ขอให้แจ้ง มายังที่ศูนย์ 191 ทั้งของสภ.เมือง และสภ.แสนภูดาษ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นประโยชน์ กับทางรูปคดี
Advertisement