เสี่ยร้านโทรศัพท์ ถูกสาวร้านนวดทำทีตีสนิท อยากคบเป็นแฟน พอเริ่มใจอ่อนหลงคารม ออกลายแอบโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง 39 ครั้ง ยอดเกือบ 2 ล้าน
นายวิทวัส อายุ 47 ปี เจ้าของร้านขายโทรศัพท์ชื่อดัง เข้าของความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ตามจับกุมจิ้งจอกสาวรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเป็นภัยสังคม
นายวิทวัส ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่าเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาที่ผ่านมา ตนไปใช้บริการร้านนวด ย่านซอยวัดโพธิ์แมน ถนนนราธิวาส กทม. ไปเจอหมอนวดคนหนึ่งชื่อนางสาวเลย์ ระหว่างที่นวดใกล้จะเสร็จ ทางนางสาวเลย์ ได้เสนอว่าจะนวดแบบพิเศษต่อไหม (ขายบริการ) ตนจึงตกลงที่จะซื้อบริการแบบพิเศษไป หลังใช้บริการเสร็จ ตนได้เอาเงินสดให้นางสาวเลย์ 5,500 บาท แต่นางสาวเลย์ปฏิเสธ ไม่รับเงินสด ขอให้ตนโอนให้แทน และนางสาวเลย์ได้ขอให้ตนไปส่งบ้านที่อยู่ย่านรามคำแหง แล้วบอกให้ไปโอนเงินบนรถ ระหว่างที่ตนขับรถยนต์ไปส่ง นางสาวเลย์ที่บ้าน ตนได้โอนเงินค่านวดให้นางสาวเลย์ จังหวะนั้นตนไม่ทราบเลยว่านางสาวเลย์ ได้แอบดูรหัสบัญชีธนาคารบนมือถือ หลังโอนเงินเสร็จก็ไปส่งบ้านตามปกติ
จากนั้นนางสาวเลย์ ได้ทักมาพูดคุยกับตนเอง ชวนมาเที่ยวที่ร้านนวด ชวนมาไปกินข้าว หากวันไหนตนไม่รับโทรศัพท์ นางสาวเลย์ก็จะบุกมาถึงร้านขายโทรศัพท์ตนทันที ตอนนั้ตนตนคิดว่า ผู้หญิงคนนี้คงชอบเราจริง ตนก็ยอมไปกินข้าวด้วย และไว้ใจ ทุกครั้งที่นางสาวเลย์มาเจอตนจะทำท่าทางคอยหึงหวง จะเอาโทรศัพท์มือถือตนไปเช็คอยู่ทุกครั้ง
ต่อมาวันที่ 15 นางสาวเลย์ได้ขอยืมเงิน 20,000 บาท ตนก็โอนเงินให้ไป แต่ตอนนั้นตนสังเกตุเห็น นางสาวเลย์ จ้องดูโทรศัพท์ตนเวลาโอนเงิน ตนไม่รู้เลยว่าเขากำลังจดจำรหัสเข้าแอพธนาคาร จนกระทั่งเรื่องมาเกิดเกิดวันที่ 16 สิงหาคม 2567 นางสาวเรย์ได้มาหาตนที่ร้านขายโทรศัพท์ และ ทำท่าทีหึงหวงเหมือนเคย และได้นำโทรศัพท์ตนเองไปเช็คว่ามีใครมาติดพันตนไหม จากนั้นนางสาวเรย์ได้แอบโอนเงินออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 1,000 บาท เหมือนเป็นการหยั่งเชิง และจากนั้นได้โอนออกไปอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 49,999 บาท (ที่โอนยอดเท่านี้เป็นการเลี่ยงสแกนหน้า)
และวันที่ 19 สิงหาคม โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเองอีก 4 ครั้ง ครั้งละ 49,000 บาท
วันที่ 24 สิงหาคม โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 6 ครั้ง ครั้งละ 49,0000 บาท
วันที่ 29 โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 5 ครั้ง ครั้งละ 49,000 บาท
วันที่ 30 สิงหาคม โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 4 ครั้ง ครั้งละ 49,000 บาท
วันที่ 31 สิงหาคม วันนี้โอนออกไปเยอะหน่อย 17 ครั้ง วันนี้ได้เงินไป 725,997 บาท โดยรวมยอดทั้งหมด ที่นางสาวเลย์ โอนเงินไปเข้าบัญชีตัวเอง เป็นเงิน 1,788,594 บาท
ตนมาทราบเรื่อง ในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ที่ทราบเรื่องเพราะว่า มีเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ของตนเอง โอนเข้ามาธนาคารกสิกรไทยของตนเอง ตนจึงแปลกใจว่าตนไปโอนตอนไหน ตนจึงเปิดเข้าไปดูหลักฐานการโอนเข้า-โอนออกของธนาคาร ปรากฏว่า เงินในบัญชีหายไปเป็นจำนวนมาก ตนจึงตรวจสอบว่าเงินถูกโอนออกไปไหน จึงพบว่าเงินถูกโอนไปยังบัญชีของนางสาวเลย์ ตนจึงรีบไปแจ้งความเพื่อทำการอายัดบัญชีของนางสาวเลย์ทันที และต้องการดำเนินคดีกับนางสาวเลย์ และจากการตรวจสอบว่าทำไม SMS ไม่แจ้งเตือนขณะที่มีเงินโอนเข้าโอนออก ปรากฏว่านางสาวเลย์ได้แอบปิด ข้อความ SMS ไว้ ไม่ให้แจ้งเตือน และคอยลบรูป สลิปเงินในอัลบั้มออกหมด แต่ก็ยังพลาดท่าลบรูปสลิปออกไม่หมด ทำให้ตนจับได้
ตอนนี้นางสาวเลย์ พยายามติดต่อมาขอเจรจากับตน ให้ตนไม่เอาความ แต่ตนยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากไม่ได้เงินคืนตามจำนวน
ทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กล่าวว่า เช็กจากประวัติผู้หญิงรายนี้ดูแล้ว น่าจะเป็นมิจฉาชีพโดยสันดาน ใช้คำว่าจิ้งจอกสาวคงไม่ผิด ลักษณะการก่อเหตุดูเหมือนเป็นมืออาชีพ มีการใช้จุดอ่อนของผู้เสียหายเป็นการหลอกลวง ตนเชื่อว่าจิ้งจอกสาวรายนี้ทำผิดพลาดใหญ่หลวง เพราะหากเธอไม่แอบโอนเงินของเสี่ยหนุ่มรายนี้ไป เธอคงจะสบายไปตลอดชีวิต เพราะดูแล้วเสี่ยหนุ่มรายนี้เป็นคนจิตใจดีมาก หลังจากนี้ตนจะประสานไปยังผู้กำกับสน.หัวหมาก ให้เร่งล่าตัวจิ้งจอกสาวรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้.
Advertisement