ลูกบ้านโคราชไม่ทน! ร้องผู้ใหญ่บ้านแอบตัดไม้ในเขตหวงห้าม ขายนำเงินแบ่งกันเอง ขณะที่ ผู้ใหญ่บ้าน บอกตั้งใจพัฒนาหมู่บ้าน แต่ผู้ไม่หวังดีจ้องทำลาย
วันที่ 21 ก.ย. 67 นาย สุรศิริ (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองบัวน้อย ต.กระทุ่มราย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา พาผู้สื่อข่างไปดูจุดที่ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง นำพวกไปลักลอบตัดไม้ยูคา ในพื้นที่ป่าสาธารณะโคกหนองพะเนียด จำนวน 27 ต้น ก่อนนำไปขายให้กับร้านรับซื้อไม้ในพื้นที่ และนำเงินมาแบ่งกัน ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา แต่เรื่องก็เงียบหายไป เหมือนกับว่าหน่วยงานมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงอยากจะให้หน่วยงานลงมาตรวจสอบ
ทั้งนี้ ชาวบ้าน เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.67 ในพื้นที่ป่าสาธารณะโคกพะเนียด ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมด 270 ไร่ ครอบคลุมทั้งหมด 8 หมู่บ้าน ได้มีผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งลักลอบตัดไม้ยูคาในพื้นที่ป่าสาธารณะ ก่อนที่จะนำไม้ยูคา จำนวน 27 ต้น ไปขายให้กับโรงไม้ในพื้นที่ และนำเงินมาแบ่งกัน โดยที่ไม่มีการประชาคม หรือแจ้งให้ชาวบ้านทราบ
ส่วนสาเหตุของการตัดไม้นั้นก็ไม่ได้มีการชี้แจงว่าตัดไปเพราะอะไร ชาวบ้านจึงกลัวอิทธิพลในพื้นที่ เพราะผู้ใหญ่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ใช้อำนาจโดยไม่ชอบเข้าไปลักลอบตัดไม้ หากไม่มีคนไปพบเห็นก็คงจะต้องมีการตัดเพิ่มเติม แต่ชาวบ้านก็มีการส่งเรื่องไปให้หน่วยงานภาครัฐ แต่เรื่องก็เงียบหายไปนานกว่า 8 เดือนแล้ว ราวกับว่ามีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันหรือไม่
ด้านนายบุญมา (สงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ที่ถูกพาดพิงดังกล่าว เปิดเผยว่า สาเหตุของการตัดไม้ยูคานั้น ตนเองได้พูดคุยกับเจ้าของนาในพื้นที่ โดยเจ้าของยืนยันว่าเป็นคนปลูกไม้ยูคา ตนจึงคิดว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นหัวไร่ปลายนา ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสาธารณะ จึงได้ให้ทีมงานนำเครื่องจักรมาตัด เพราะถือว่าได้รับการอนุญาตจากเจ้าของนาในพื้นที่แล้ว โดยจำไม่ได้ว่าตัดทั้งหมดกี่ต้น เพราะตนเองไม่ได้มา แต่ให้ทีมงานมาแทน
หลังจากนั้นได้มีการนำไปขายเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 3,600 บาท โดยแบ่งเข้ากองทุนหมู่บ้าน 1,200 บาท โดยการโอนเข้าบัญชีส่วนที่เหลือ 2,400 บาท ได้ให้เป็นค่าแรง และค่ารถกับคนที่มาตัด โดยที่ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี ตนตั้งใจที่จะพัฒนาหมู่บ้าน แต่ก็ถูกผู้ไม่หวังดีจ้องที่จะทำลาย
ขณะที่นายสรวิศ เหล่านิล นายอำเภอประทาย เปิดเผยว่า หลังจากทราบเรื่องได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อที่จะส่งข้อมูลให้กับนายอำเภอ และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย รวมถึงการสอบพยานแวดล้อม และรอพิจารณาการดำเนินการ หลังจากนี้จะต้องมีการเรียกผู้ใหญ่บ้านเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม และอธิบายเรื่องราวทั้งหมด ส่วนบทลงโทษนั้นจะขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐาน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
Advertisement