สองตาหลานโลภ เห็นกระเป๋าตก มีเงินเป็นปึกกับไอโฟน รีบเก็บแล้วขี่ จยย.หลบหนี ผู้เสียหายเช็คพิกัด GPS แจ้ง ตำรวจรวบตัวได้ทันควัน
เมื่อเวลา 12.10 น.ที่ผ่านมา (7 ตุลาคม 2567) พ.ต.ท.ก้องภพ อาษานอก สว.(สอบสวน) สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจากนางจันทร์ฉาย ขวัญแก้ว อายุ 51 ปี ว่ามีคนขโมยกระเป๋าเงินไป โดยในกระเป๋ามีเงินสด ประมาณ 10,000 บาท และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง จำคนร้ายได้ มาด้วยกัน 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ สีแดง-ดำ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 ทะเบียน 1 กร 2275 นครราชสีมา ซึ่งผู้เสียหายติดตามจีพีเอสโทรศัพท์ได้ ระบุพิกัดว่า คนร้ายนำโทรศัพท์และกระเป๋าเงินขับรถมุ่งหน้าไปตามถนน สายพิมาย-ชุมพวง เข้าไปในเขตตัวเมืองพิมาย จึงแจ้งให้ตำรวจชุด 191 ตร.จราจร และชุดสืบสวน สภ.พิมาย ช่วยออกสกัดติดตาม
ซึ่งหลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ฯ ได้รีบไปตามพิกัดที่รับแจ้ง และมาทราบว่าผู้ก่อเหตุได้นำโทรศัพท์มาที่ร้านโทรศัพท์เพื่อจะให้ทางร้านเปลี่ยนซิมใหม่ แต่ทางร้านไม่เปลี่ยนให้ และยังได้เบาะแสอีกว่า ผู้ก่อเหตุขี่รถมุ่งหน้ามาที่บริเวณทางเข้าวัดบูรพาพิมล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามและสกัดรถไว้ได้ ก่อนแสดงตนเข้าจับกุม
โดยผู้ก่อเหตุมี 2 คน ได้แก่ นายกิตติ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.10 บ้านหนองจิก ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ และนายสุภรณ์ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน นั่งซ้อนท้าย ซึ่งทั้งสองคนเป็นตากับหลาน
จากการสอบถาม นายสุภรณ์ฯ บอกว่า ตนกำลังจะเดินทางออกจากบ้าน โดยให้หลานชายเป็นคนขี่รถพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลพิมาย พอมาถึงระหว่างทาง มองเห็นกระเป๋าสะพายวางอยู่ข้างถนน ตนจึงให้หลานชายจอดรถ แล้วลงมาเก็บเอาไปตรวจดู ก็พบว่า ภายในกระเป๋ามีเงินสดอยู่ 9,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องและมีบัตรประชาชนของเจ้าของกระเป๋าอยู่ด้วย จึงรีบเก็บซ่อนเอาไว้ ระหว่างนั้นไม่นาน เจ้าของกระเป๋าก็ตามมาถึง และได้สอบถามว่าได้เก็บกระเป๋าไว้หรือไม่ แต่ตนปฏิเสธ จากนั้น ตนจึงรีบเดินทางไปโรงพยาบาลพิมาย แล้วเอาเงินกับโทรศัพท์ออก ก่อนจะนำกระเป๋าของผู้เสียหายไปทิ้งถังขยะภายในโรงพยาบาล ส่วนเงินและโทรศัพท์ ได้เก็บใส่ไว้ในกระเป๋าของหลานชาย ก่อนจะออกไปตระเวนหาเปลี่ยนซิมโทรศัพท์ จนมาถูกจับกุมดังกล่าว ซึ่งนายสุภรณ์ฯ รับสารภาพว่า เห็นเงินจำนวนมากจึงอยากได้เป็นของตน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงควบคุมตัวตาหลานมาชี้จุดที่นำกระเป๋ามาทิ้งในถังขยะ ใช้เวลาค้นหาไม่นานก็เจอกระเป๋าของผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ฯ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แล้วควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย ไปที่ สภ.พิมาย สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำมาประกอบสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป
ด้านนางจันทร์ฉาย ขวัญแก้ว ผู้เสียหาย บอกว่า ตนกำลังจะเดินทางเข้ามาตลาดในหมู่บ้านหนองจิก เอากระเป๋าสะพายวางไว้หน้ารถจักรยานยนต์ แต่ไม่ทราบว่ากระเป๋าหล่นตรงจุดไหน มารู้ตัวตอนที่มาถึงตลาด จะหยิบเอากระเป๋าแต่ไม่เห็น คาดว่า น่าจะตกหล่นระหว่างทาง จึงรีบขับรถกลับออกมาตามหา จนมาพบกับสองตาหลานคู่นี้ ซึ่งตนได้สอบถามไปแล้วว่า เห็นกระเป๋าสะพายของตนหรือไม่ แต่ทั้งคู่บอกว่าไม่เห็น ซึ่งตนไม่ปักใจเชื่อ เพราะเห็นตาหลานรีบขับรถมุ่งหน้าเข้ามาในตัวเมืองพิมาย ตนจึงรีบเช็คจีพีเอสของโทรศัพท์จนรู้พิกัดของคนร้าย จากนั้น จึงโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สกัดจับ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็สามารถสกัดจับไว้ได้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย ที่ติดตามจับกุมไว้ได้อย่างรวดเร็ว ได้เงินน้ำพักน้ำแรงจากขายของกลับมาคืนทั้งหมด
Advertisement