นักจิตวิทยาอาชญากร วิเคราะห์ภาษากาย บอสพอล เตรียมตัวมาดี แต่หน้าดูได้ยาก แนะตรวจฮอร์โมนน้ำตา สรุปเครียด หรือปิติยินดี แต่เจ้าตัวต้องยินยอม
จากกรณีที่นาย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เจ้าของธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อสุขภาพและความงาม ให้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งแรก ในรายการ “โหนกระแส” โดยมี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นผู้ดำเนินรายการ ถึงเรื่องคดี ดิไอคอน ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก
โดยระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ บอสพอลได้ร้องไห้เป็นระยะๆ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
วันที่ 15 ต.ค. 67 ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงพฤติกรรมและจิตวิทยาอาชญากร คณะสังคมศาสตร์ ม.มหิดล ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” ถึงการวิเคราะห์ภาษากายของเหล่าบรรดาบอสใหญ่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เพราะสังคมเองก็จับตา และตั้งคำถามว่าสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นพูดมันคือข้อเท็จจริงแค่ไหน โดยเฉพาะบางบทสัมภาษณ์ที่ย้อนแย้งกับคลิปโปรโมทของบริษัทที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ว่า
เริ่มต้นที่ บอสพอล ที่ออกมาเจอสื่อแล้ว 2 ครั้ง โดยย้อนไปที่ครั้งแรกคือ 12 ต.ค. 67 ตอนที่ไปพบเจ้าหน้าที่ที่สอบสวนกลาง สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนขณะให้สัมภาษณ์สื่อฯ คือ
1.สีหน้าแววตายิ้มสู้ แต่มีเสี้ยววินาทีที่เห็นว่ามุมปาก 2 ข้างเลิกขึ้นไม่เท่ากัน เรียกว่า ”คอนเทม“ แสดงถึงความไม่พอใจ หรือดูถูกเกี่ยวกับบางคำถามที่นักข่าวถาม ซึ่งเป็นระบบประสาทอัตโนมัติ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว หรือปรากฏการณ์ที่อยู่นอกเหนือควบคุมของจิตใจ
2.เนื้อหาการพูดมีความคล้ายกับที่บอสดาราทั้ง 3 คนออกมาพูด คือ “ดาราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจของบริษัท เป็นเพียงแค่พรีเซนเตอร์” เพียงแค่คำพูดของแต่ละคนถูกปรับให้เข้ากับปากตัวเอง แต่ความหมายเหมือนกัน ดังนั้นมันคือการเตรียมการมาก่อนแล้วว่าจะให้สัมภาษณ์สื่อยังไง
3.การออกมาเจอสื่อเป็นคนสุดท้ายในบรรดาบอสใหญ่ๆ คือการดูฟีดแบคสังคมหลังคนอื่นแถลงแล้ว เพื่อปรับใช้กับตัวเอง เหมือนเป็นการสรุปจบหลังจากควบคุมคนก่อนหน้านั้นเสร็จแล้ว
4.การตอบคำถามที่ดูใจเย็น เหมือนวางแผน ศึกษาทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี รวมถึงปรึกษาช่องทางกฎหมายในการเสนอเยียวยาผู้เสียหาย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะกว่าจะออกมาก็ใช้เวลาเกือบสัปดาห์
ดร.ตฤณห์ กล่าวต่อว่า ต่อมาคือวันที่ 14 ต.ค. 67 เป็นการปรากฏตัวในรายการดัง ก็เห็นว่าหลังเจ้าตัวรับรู้เกี่ยวกับการสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายที่ร่วมลงทุน ก็มีอาการร้องไห้ออกมา ก็มีทั้งการร้องไห้ธรรมชาติ และไม่ธรรมชาติ ซึ่งแม้ว่าจะดูยาก เพราะใบหน้าของ บอสพอล จะแข็งตึง ไม่สามารถขยับตามอารมณ์ได้ 100% เรียกว่า กล้ามเนื้ออัมพาต อาจเนื่องมาจากการถูกล็อกด้วยการทำศัลยกรรม เหลือเพียงแค่ระหว่างคิ้วกับมุมปากที่ยังพอดูได้บ้าง
1.ตอนที่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เพราะเป็นหนี้หลังร่วมลงทุนธุรกิจ ตรงนี้เห็นว่าการร้องไห้ของ บอสพอล เกิดจากความรู้สึกสะเทือนใจจริงที่มาจากข้างใน แต่ไม่แน่ชัดว่าเรื่องอะไร อาจจะความกลัวที่จะต้องเข้ารายการ , เผชิญหน้ากับผู้เสียหายหรือเสียใจกับการสูญเสีย ซึ่งยืนยันได้ว่าครั้งนี้ไม่ได้เป็นน้ำตาจระเข้ เพราะมีน้ำตาออกมาจากหัวตาจริง ต่างจากน้ำตาจระเข้ ที่เป็นการร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา แค่ก้มหน้าแล้วเอาทิชชูซับ
2.ใบหูไม่ค่อยแดงเท่าไหร่ แต่ตาแดง ก็แสดงถึงความสะเทือนใจและเสียใจในช่วงเวลาสั้นๆ
3.บุคลิกของ บอสพอล อาจจะเป็นคนสลับอารมณ์เร็ว เพราะร้องไห้แค่ช่วงเวลาสั้นๆแล้วสามารถกลับมาสู่การสนทนาตามปกติได้
4.การยกมือขึ้นมาไหว้ และเอามือมาบังหน้าขณะร้องไห้ ก็เป็นแสดงออกทางร่างกายที่มีความสะเทือนใจเกิดขึ้นจริง
5.ตัวสั่นโยน เสียงสั่น กล้ามเนื้อมุมปากกดลง คิ้วขมวดกดต่ำลงจนเกือบชนเข้าหากัน แสดงออกถึงความเสียใจในช่วงสั้นๆ
ดร.ตฤณห์ ยังบอกอีกว่า หากจะให้วิเคราะห์เชิงลึกคือต้องเอากระดาษทิชชูที่ บอสพอล มาตรวจหาการแตกตัวของโมเลกุลและโฮโมนที่ผสมอยู่ในน้ำตา เนื่องจากเป็นน้ำตาที่เกิดจากความปิติยินดี ก็จะพบฮอร์โมนอะดรีนาลีน(Adrenaline) และฮอร์โมนนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) แต่ถ้าเกิดจากความเครียดกังวล ก็จะพบฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตรวจสอบจะต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของน้ำตาด้วย
Advertisement