แม่ค้าขายผลไม้โอด องุ่นไชน์มัสแคท ขายไม่ได้ ลูกค้าไม่ซื้อ หลังมีข่าวตรวจพบสารพิษตกค้าง ลูกค้าหายเกลี้ยง ต้องลดราคา 70 % เร่งระบายสินค้าก่อนเน่าเสีย
หลังจากที่มีข่าวกรณีเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคสุ่มตรวจ องุ่นไชน์มัสแคท 24 ตัวอย่างทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบสารเคมีตกค้าง
ต่อมาวันที่ 26 ต.ค. 67 ที่ตลาดย่านรังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในแผงขายผลไม้พบพ่อค้าแม่ค้าบางเจ้าวางขาย องุ่นไชน์มัสแคทน้อยลง ส่งผลให้แม่ค้าขายผลไม้ขายของไม่ได้
โดย น.ส.สมหมาย มั่งศรี อายุ 63 ปี แม่ค้าขายผลไม้ได้ เปิดเผยว่า หลังจากข่าวสารพิษตกค้างใน องุ่นไชน์มัสแคทออกมา ตนก็ไม่เอาของมาลงขายหน้าร้านเนื่องจากขายไม่ได้ เพราะหลังจากที่คนทราบข่าว ไม่กล้าซื้อกิน ของที่เอามาก็เหลือขายยากมาก ก่อนที่ยังไม่มีข่าวก็เอามาขาย จากที่เคยขายองุ่นกลับมาขายส้มดีกว่า แต่ก่อนขายดีมาก องุ่นไชน์มัสแคท แต่ก่อนลังนึง 200 บาท แล้วแต่สภาพ ส่วนวันนี้ก็ไม่เอามาขายเลย เพราะมันขายไม่ได้ แต่ของก็ยังเหลืออยู่ในตะกร้าผลไม้นอก ไม่เอามาขายแล้ว ขายผลไม้ไทยดีกว่า ที่เห็นอยู่นี้มันขายไม่ได้ และขายไม่ออก 2-3 วัน แล้ว
ขณะที่ที่ตลาดเทิดไท อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผักและผลไม้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า บรรยากาศในโซนจำหน่ายผลไม้นำเข้าที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะแผงจำหน่าย องุ่นไชน์มัสแคท ที่ได้รับผลกระทบจากข่าวสารเคมีตกค้างอย่างรุนแรง
หลายร้านพยายามดึงดูดลูกค้าด้วยการลดราคากระหน่ำจากราคาปกติถึง 70% โดยจากราคากิโลกรัมละ 250 บาท ลดเหลือเพียง 80 – 100 บาท แต่ถึงกระนั้น ผู้บริโภคยังคงไม่กล้าเสี่ยงซื้อ
นางถาวร พรหมมี อายุ 58 ปี ผู้ค้าองุ่นไชน์มัสแคท ในตลาดเทิดไท เปิดเผยด้วยความกังวลว่า ตั้งแต่ข่าวการตรวจพบสารพิษใน องุ่นไชน์มัสแคท แพร่กระจายไปตามสื่อต่างๆ ทำให้ร้านของตนได้รับผลกระทบอย่างหนัก สินค้าที่เคยขายได้ดี ต้องเหลือค้างสต็อกจนเกิดความเสียหาย องุ่นไชน์มัสแคทที่นำมาขายเน่าเสียไปแล้วกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือก็ต้องเร่งระบายด้วยการลดราคาขายขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ลูกค้าก็ยังคงไม่มั่นใจ กลัวเรื่องความปลอดภัย จนทำให้ยอดขายตกต่ำ และขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
นางถาวร กล่าวต่อว่า แม่ค้าผลไม้หลายรายรู้สึกเสียใจและเครียดอย่างมาก เพราะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ค้าในตลาดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสารพิษตกค้างในผลไม้แต่อย่างใด โดยปกติการนำเข้าองุ่นไชน์มัสแคท จะผ่านขั้นตอนการนำเข้าตามกฎหมายจากประเทศจีน และญี่ปุ่น ทว่าขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยกลับไม่ชัดเจน โดยไม่มีการตรวจสารตกค้างก่อนเข้ามาจำหน่ายในตลาด ทำให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ที่จริงแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้าตั้งแต่ก่อนนำเข้ามาขายที่ประเทศไทย อย่างน้อยควรมีใบรับรองที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้นำเข้าและลูกค้า แต่อย่างทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าผู้ค้าตามตลาดทั่วประเทศต้องเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งที่เราไม่สามารถควบคุมเรื่องคุณภาพของสินค้าจากต้นทางได้เลย" นางถาวรระบายความรู้สึก พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ และดูแลอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ผู้ค้าในตลาดเทิดไทหลายรายได้แสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า หากสถานการณ์นี้ยังไม่ดีขึ้น พวกเขาอาจต้องหยุดการจำหน่าย องุ่นไชน์มัสแคทชั่วคราว หรืออาจไม่สั่งเข้ามาจำหน่ายอีกเลย เนื่องจากต้องแบกรับความเสี่ยงต่อยอดขายและขาดทุนหนักกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าเน่าเสียที่ยิ่งเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย จึงหวังให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องสารเคมีเข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจัง และช่วยกำหนดมาตรการป้องกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง
ส่วนที่ร้านขายผลไม้ บริเวณท่ากลางท่ากลางเขตเทศบาลนครตรัง จ.ตรัง พบว่าร้านขายผลไม้ทุกร้าน ลูกค้าเลิกซื้อ องุ่นไชน์มัสแคท ทำให้กระทบหนักเหมือนกันหมดทุกร้าน จากเดิมที่เคยสั่งซื้อทุกวันละหลายๆ ลังต้องลดปริมาณลง แต่ก็ยังขายไม่ได้บางรายแจกให้ลูกน้อง และเลิกสั่งมาขายชั่วคราว
เช่นนางอนงค์ เดชะ แม่ค้าขายผลไม้รายหนึ่งในตลาดท่ากลาง บอกว่า เมื่อก่อนองุ่นไชน์มัสแคท กก.ละ 350 บาท คนก็ยังแห่ซื้อ แต่ตอนนี้ราคาก็ลดลงแล้วเหลือ กก.ละ 120-150 บาทเท่านั้น ก่อนหน้านี้ขายดีมาก ปกติตนจะสั่งวันละ 10 กล่องๆละ 2.7-3 กก. โดยจะสั่งองุ่นไร้เมล็ด และ องุ่นไชน์มัสแคทอย่างละ 10 กล่อ งแต่ในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ปรากฎว่า องุ่นไชน์มัสแคท ขายไม่ได้เลย ที่สั่งมาล่าสุดยังขายออกไม่หมด เชื่อว่าเป็นผลจากกระแสข่าวดังกล่าว
เช่นเดียวกับแม่ค้ารายอื่นๆ บอกว่าจากเดิมเคยสั่งมาขายวันละ 10 ลังๆละ 3.5 กก.หรือ ขายวันละ 35 กก. ขายได้หมดทุกวัน แต่ตอนนี้สั่งมาครั้งละ 5 ลังก็ขายไม่หมด ลูกค้าไม่ซื้อ กระทบอย่างมากหลายรายขาดทุน เพราะขายไม่ได้ แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นการออกข่าวมาโจมตี ซึ่งความจริงไม่มีอะไร แต่ข่าวออกมาทำลายองุ่นสายพันธุ์ดังกล่าว และทำให้แม่ค้าเดือดร้อนด้วย เพราะขายไม่ได้จนต้องเลิกสั่งมาขายชั่วคราว
Advertisement