"ไฮโซปอ" แฉ ทนายคนดัง เสนอไอเดียต่อสู้คดี "แตงโม" ให้เบี่ยงเบนข้อเท็จจริง โยนบาปให้เพื่อน มิหนำซ้ำ ฟังข้อมูลจากตนเอง และไปขอทำคดีของอีกฝั่ง
จากกรณีเพจหนึ่ง โพสต์ข้อความ “คนบนเรือ” คดีน้องแตงโม โทรหาทีมงานแอดมิน บอกว่า จำเหตุการณ์วันที่ 25/2/65 ได้ รอเขาคนเดียวมาจาก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา #ไว้จะเล่าเรื่องเด็ดที่เกิดขึ้นในร้านอาหารอิตาเลียนให้ฟัง!!
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้คุย นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ไฮโซปอ บอกกับ ผู้สื่อข่าวว่า กรณีที่เพจนั้น ตนเองไม่ได้เป็นคนโทรศัพท์หาแอดมิน แต่อาจจะเป็นเพื่อนคนอื่นที่อยู่บนเรือโทรไป ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่อง ระหว่างที่ตนเองและทุกคนกำลังรู้สึกช็อก และตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีเพื่อนคนนึงแนะนำว่า ก่อนที่จะไปพบตำรวจ ต้องปรึกษากับนักกฎหมายก่อน ซึ่งมีการบอกมาว่า ต้องเป็นนักกฎหมายคนดังคนหนึ่งเท่านั้น
ตนเองจึงเชื่อเพื่อน และเพื่อนก็เชื่อมกับทนายคนดัง ให้มาเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 17:00 น. เมื่อเจอแล้ว ทนายคนดังก็ถามตนว่าเหตุการณ์เริ่มต้นจนเกิดเรื่องเป็นอย่างไรบ้าง ตนก็ได้มีการเล่าข้อเท็จจริงให้ฟัง แต่หลังจากที่ตนเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังแล้ว ทนายคนดังก็มีการเสนอว่าพร้อมที่จะทำคดีนี้ โดยมีการเสนอค่าใช้จ่ายมาให้จำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อย กลุ่มตนจึงมีการสอบถามกลับไปว่าแนวทางที่จะต่อสู้คดีเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งทนายคนดังมีการแนะนำมา 2 วิธี ให้ตนและกลุ่มเพื่อนทำตาม ตนจึงมาปรึกษากันเบื้องต้น และได้บอกกลับไปว่า ไม่สามารถทำตามคำแนะนำดังกล่าวได้ เพราะเป็นคำแนะนำที่ผิดหลักเกณฑ์ ไม่แนะนำให้ทำตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่จะให้เบี่ยงเบนข้อเท็จจริง โยกไปให้เพื่อนอีกคนที่อยู่บนเรือ ซึ่งเป็นคนที่ยังมีชีวิต และใกล้กับคนที่เสียชีวิต เพื่อให้ตนเอาตัวรอด ซึ่งตนเองมองว่าไม่ถูกต้อง จึงไม่ทำตาม เพราะคนนั้นคือเพื่อนเรา
จากนั้นก็มีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ตามมา ทนายคนดังลุกออกจากห้องอาหารและโพสต์โซเชียลมีเดียว่าได้รับคำปรึกษาจากกลุ่มคนบนเรือแล้ว และไม่รับทำคดีนี้ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ทนายคนดังกล่าวขอให้ตนรอเพื่อเจอเขา และเราก็เป็นคนปฏิเสธ มิหนำซ้ำทนายคนดังก็ยังไปติดต่อพี่ชายของคุณแตงโม ซึ่งเป็นเพื่อนตนเอง ว่าจะขอทำคดี ตนเองมองว่าไม่มีจริยธรรมและมารยาทของทนายความ เพราะปกติแล้วไม่มีใครทำ มาฟังข้อมูลจากอีกฝั่ง และจะไปทำคดีของอีกฝั่งหนึ่ง
ตัวเองรู้สึกว่าสิ่งที่ทำเป็นการชี้นำ และทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จำได้ว่าตอนแรกมีคนติดตามทนายคนดังกล่าวประมาณ 500,000 คน แต่หลังจากนั้นก็มีคนติดตามเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านในระยะเวลาสั้น
ตัวเองมองว่าเป็นการสร้างวิกฤตของคนอื่นให้เป็นโอกาส ที่ทำให้มีพื้นที่และเป็นกระแส มองว่าทำให้ประชาชนเกิดความเสียหายได้รับข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง วันนั้นตนเองไม่มีโอกาสพูด เพราะพูดอะไรไปก็ผิด แต่วันนี้ที่ออกมาพูดเพราะยินดีที่จะให้ประสบการณ์กับคนที่กำลังเจอวิกฤตชีวิต ตนเองสูญเสียเพื่อนจากอุบัติเหตุ ก็ไม่อยากให้มีใครต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ส่วนที่ทนายคนดังมีการออกจากร้านอาหารไปแล้วโพสต์โซเชียลนั้น ตนเองรู้สึกตกใจ ตนเองกำลังฝากความเดือดร้อนทั้งชีวิตไว้กับของเขา ทำไมถึงทำแบบนั้น แค่เราบอกว่าตนเองไม่เอาไอเดียที่ทนายคนดังเสนอมา กลับมีการโพสต์เรื่องราวจนข้อเท็จจริงกับตาลปัตรไปหมด และไปขอทำคดีกับฝั่งตรงข้ามเพื่อที่จะมาทำร้ายเรา ทั้งที่เราเล่าข้อมูลข้อเท็จจริงให้ฟัง
ทนายคนดังมีการบอกย้ำว่า หากคุณจะคุยกับผู้รู้กฎหมาย ก็จะต้องปรึกษากับนักกฎหมายที่มีกระแส ก็คือเขา เขาถนัดเรื่องแบบนี้ ตนจึงรอทนายคนดังกลับมาจากปากช่อง จึงทำให้วันนั้นไปพบตำรวจช้า ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และตนก็มีพยานในเหตุการณ์หลายคน
Advertisement