เมาแล้วขับ! เจ้าอาวาสวัดดังเชียงใหม่ ขับกระบะพุ่งชนเก๋งผู้คุมสาหัส ล่าสุดลาออกจากเจ้าอาวาสแต่ไม่สึก เผ่นหนีออกนอกวัด
จากกรณีเพจ “อีซ้อขยี้ข่าวตัวจริง” มีการโพสต์ภาพและข้อมูล ระบุว่า “เจ้าอาวาสเมาแล้วขับ...ตอนนี้ทางฝั่งคนเจ็บอาการสาหัสนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โดยที่ทางฝั่งคู่กรณีหลังเกิดเหตุไม่เคยเดินทางมาเยี่ยมหรือถามไถ่อาการ หนำซ้ำยังตระเวนออนทัวร์ออกรับกฐินฉ่ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งในวันเกิดเหตุมีการตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอล์ถึง 155 มิลลิกรัม สุดท้ายเจ้าอาวาสรายนี้ก็ได้รับการประกันตัวทันที โดยอ้างว่าต้องรีบกลับไปรับกฐินต่อ….อ.หางดง จ.เชียงใหม่”
ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าเจ้าอาวาสรายนี้คือ “พระโยธิน“ อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ. รถกระบะที่ใช่ขับก็เป็นรถสำหรับใช้ในกิจกรรมของวัด
เบื้องต้นหลังได้รับการประกันตัวทันทีที่ สภ.หางดง ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ก็ออกบิณฑบาตรับงานกฐินไปทั่วหลายวัดใน อ.หางดง ก่อนจะมีรายงานว่าเมื่อวานนี้ 29 ตุลาคม 2567 ได้ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสแล้ว แต่ยังไม่ยอมสึกจากการเป็นพระ
ส่วนผู้บาดเจ็บคือ “นายพงศกร พงศ์รัตนพร“ อาย 47 ปี ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ กรมราชทัณฑ์ จ.ลำพูน อาการบาดเจ็บยังสาหัส นอนรักษาตัวที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาล
ล่าสุดวันนี้ 30 ตุลาคม 2567 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางตรวจสอบลงจุดเกิดเหตุพบว่าเป็นบริเวณทางเข้าวัดประสาทธรรม (วัดบ้านแม่ขัก) ถนนเทศบาลตำบลหางดงซอย 20 ต.หางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ยังคงมีชิ้นส่วนของรถกระจัดกระจายอยู่ตรงบริเวณพงหญ้าริมถนน
และขณะเดียวกันวันนี้ (30ต.ค.) เวลา 15.00 น. “พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย” ผกก.สภ.หางดง ได้มีการชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยบอกว่าหลังรับแจ้งเหตุ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบทันที เมื่อพนักงานสอบสวนไปถึง ก็เห็นว่าพระสงฆ์เป็นผู้ขับขี่รถกระบะสีดำ สวมชุดจีวรปกติแต่มีผ้าห่มคลุมศีรษะไว้ ทราบภายหลังคือ “พระโยธิน” ซึ่งบอกกับพนักงานสอบสวนว่าเพิ่งเดินทางกลับจากในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าไปสถานที่ใดมา และบอกว่ากำลังขับรถเดินทางกลับวัด
ทั้งนี้เมื่อพนักงานสอบสวนบอกให้ลงจากรถ “พระโยธิน” ก็ไม่ยอมลงจากรถ จนกระทั่งมีเจ้าอาวาสของวัดประชาธรรมมาพูดคุยเกลี้ยกล่อม ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะลงจากรถ แต่ในตอนนั้นไม่ได้มีอาการโวยวาย จนกระทั่งมาถึงโรงพัก ก็เห็นว่าสามารถเดินลงจากรถและขึ้นตัวอาคารได้ตามปกติ ตอนที่มีการสอบปากคำก็ให้การรู้เรื่อง ยืนยันตัวว่าเป็นเจ้าอาวาสในวัดแห่งหนึ่ง ต.หนองแก๋ว แล้วหลังจากมีการสอบปากคำและวัดปริมาณแอลกอฮอล์เสร็จก็พบว่าอยู่ที่ 155 มิลลิกรัม จึงส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากทางพระเองก็ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกบริเวณศีรษะ
ส่วนด้านของพระโยธิน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวมายังโรงพักก่อนจะมีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ได้ 155 มิลลิกรัม ซึ่งพระได้รับบาดเจ็บ จึงนำส่งให้แพทย์รักษา
ส่วนประเด็นดรามาที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประกันตัวนั้น จริงๆแล้วไม่ได้เรียกว่าการประกันตัว เพราะหลังจากส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก็ต้องรอเอกสารจากทางแพทย์ของทั้ง 2 ฝ่ายก่อน ถึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ บวกกับตัวของพระเองไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง จึงปล่อยให้กลับวัดตามปกติ ไม่ได้เอาเข้าห้องขัง เพราะฉะนั้นไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด ซึ่งหากได้เอกสารทางการแพทย์ มาก็จะดำเนินการส่งฟ้องทันที
แต่อย่างไรก็ตามด้วยปริมาณแอลกอฮอล์และพฤติการณ์ที่ปรากฏชัดตามกล้องวงจรปิด เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก ข้อหาเมาแล้วขับ และ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 - 120,000 บาท
ส่วนการดำเนินการทางวินัยสงฆ์ เบื้องต้นเจ้าคณะอำเภอได้เรียกคุยพระรูปดังกล่าว รวมถึงสอบถามจากลูกบ้านบริเวณวัด จึงเป็นเหตุให้ตัวของ ”พระโยธิน“ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสเอง และตอนนี้ทางเจ้าคณะอำเภออยู่ระหว่างจัดสรรหาพระไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน เพราะที่วัดนั้นมีเพียงแค่ ”พระโยธิน“ เป็นเจ้าอาวาสเพียงแค่รูปเดียวเท่านั้น ส่วนสถานะของ ”พระโยธิน“ หลังจากนี้ก็เป็นเพียงแค่พระลูกวัด แต่จะอยู่ที่วัดเดิมหรือไม่ ก็ต้องให้ทางคณะสงฆ์พิจารณา แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบประวัติทางคดีเกี่ยวกับ “พระโยธิน“
ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บที่อยู่ในรถเก๋งสีน้ำเงินคือ “นายพงศกร” หลังจากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหางดงทันที หลังเกิดเหตุเบื้องต้นก็ได้มีการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในห้องไอซียูและให้ญาติเข้าเยี่ยมเป็นช่วงเวลา เพราะจากการสอบถามแพทย์ เบื้องต้นทราบว่าซี่โครงซ้ายหัก แต่พ้นขีดอันตรายแล้ว
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยังวัดที่ “พระโยธิน” เป็นเจ้าอาวาสอยู่ซึ่งอยู่ใน ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พบว่าเป็นวัดในชุมชนที่ปลูกสร้างขึ้นด้วยวัฒนธรรมทางภาคเหนือ มีความสวยงามและมีอาคารบางส่วนอยู่ระหว่างก่อสร้าง
แต่เมื่อไปถึง เราไม่เจอ “พระโยธิน” พยายามเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับออกมาจากกุฎิ บวกกับที่วัดไม่มีพระลูกวัดด้วย แต่มีป้ายที่ด้านหน้ากุฏิที่เขียนเบอร์โทร.ไว้ ทีมข่าวจึงโทรศัพท์ไปทางเบอร์โทรดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่า “พระโยธิน” ก็รับสาย แต่เมื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่ตอบอะไร แล้วตัดสายทิ้งไป หลังจากนั้นก็โทรไม่รับอีกเลย
ขณะเดียวกันด้าน “นายทวี คำปา” อายุ 60 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า ชาวบ้านทราบข่าวตั้งแต่วันแรกที่ “พระโยธิน” ขับรถไปชน เพราะ จริงๆแล้ว 25 ตุลาคม 2567 ที่วัดมีงานบุญและชาวบ้านหลายคนไปรออยู่ที่วัดตั้งแต่เช้า จนกระทั่งเห็นผิดสังเกตว่า “พระโยธิน” ไม่ปรากฏตัว จึงมีการตามหา จนไปทราบข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุ
ซึ่งเท่าที่ทราบคือ “พระโยธิน” แอบขับรถกระบะของเขาเอง ไปหนีเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ ตอนที่ออกจังหวัดก็ใส่จีวรปกติ แต่พอไปด้านนอกก็แอบเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเพื่อลงไปเที่ยว โดยขณะเกิดเหตุยังตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์สูง อีกทั้งมีสุราในรถ 1 ขวด
โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีชาวบ้านมาร้องเรียนประเด็นเดียวกัน ว่าเคยเห็น “พระโยธิน” แอบหนีเที่ยว เวลากลางคืน ด้วยการขับรถกระบะคันนี้ออกไป แต่ด้วยไม่มีหลักฐานเพียงพอ จึงไม่สามารถเอาผิดได้ แล้วชาวบ้านก็ไม่กล้าพูดอะไรกันเยอะเพราะกลัวมีปัญหา
ในส่วนพฤติกรรมของ “พระโยธิน” นั้น ต้องยอมรับว่ามีทั้งคนที่เห็นดีเห็นงามและคนที่มองว่าไม่เหมาะสม เพราะชาวบ้านที่นี่แบ่งแยกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งก็ยังนับถือท่านอยู่ เพราะกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นญาติของพระ อยู่ เวลามีวันพระใหญ่ หรืองานต่างๆก็ยังไปช่วย และไปร่วมทำบุญอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนอีกกลุ่มก็ไม่นับถือแล้ว อย่างเช่นตน ก็ไม่ศรัทธา ไม่สนใจว่า “พระโยธิน” จะทำอะไรต่อ เพราะเวลาทำบุญก็ไปที่อื่นแทน ด้วยเหตุผลที่ความเห็นต่างกันก่อนหน้านี้ เคยถึงขั้นที่ให้ชาวบ้านมาโหวตลงความเห็นว่าจะให้ “พระโยธิน” อยู่ในวัดต่ออีกหรือไม่ แต่สุดท้ายพ่อแม่ของ “พระโยธิน” ก็ยังยืนกรานว่าจะให้อยู่ต่อ ด้วยการหอบผ้าหอผ่อนมานอนเฝ้าที่วัดเอง จึงทำให้ไม่ค่อยมีชาวบ้านที่ไหนอยากจะมายุ่งอีก
โดยหลังจากที่ “พระโยธิน” ขับรถไปชนชาวบ้านนั้น ตนก็อยากให้สึกเลยทันที ไม่ใช่แค่พ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เพราะถือเป็นการก่อคดีใหญ่ เป็นพระใบขับขี่ก็ไม่มี เพราะพระเขาไม่อนุญาตให้ทำใบขับขี่อยู่แล้ว แล้วพฤติกรรมที่ทำมันไม่ ยิ่งตนเห็นสภาพของ “พระโยธิน” ที่กลับมาวัดในตอนสาย ยอมรับเลยว่ารับไม่ได้ เพราะสภาพยับเยินมาก
ส่วนครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของผู้บาดเจ็บ บอกเพียงแค่ว่าตอนนี้ตัวของ “นายพงศกร” ยังอยู่ในห้องไอซียู มีเลือดออกในปอด ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และขอให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย
Advertisement