ทนายรณณรงค์พาผู้ปกครองแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมกับ "ครูจุ๋ม" ก่อเหตุทำร้ายเด็กอนุบาล พบมีเด็กเป็นเหยื่อถูกกระทำถึง 20 ราย
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 26 ก.ย.63 ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมพ่อแม่เด็กนักเรียนอนุบาล 1 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอแจ้งความเพิ่มเติมและยื่นหนังสือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถึง พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตนพันธ์ ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ ขอให้ดำเนินการเอาผิดเพิ่มเติมกับ น.ส.อรอุมา หรือ ครูจุ๋ม ปลอดโปร่ง ที่ทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล โดยรายละเอียดของหนังสือที่ยื่นมีข้อความดังนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้ปกครองแห่แจ้งความครู รร.ดังทำร้ายเด็ก ใจสลายลูกนอนผวา-ก้าวร้าว
จากกรณีที่นางสาวอรอุมา ปลอดโปร่ง ซึ่งเป็นครูในสังกัดโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้ทำร้ายบุตรของข้านั้น แต่พนักงานสอบสวนมีความเห็นทางกฎหมายว่า เป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 อันเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งข้าไม่เห็นด้วยและมีความเห็นแย้งว่า ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญามาตรา 239 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น 9 ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากการรักษาตัวของผู้เสียหายบางรายเกินกว่า 5 วัน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ครูจุ๋ม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กมาตรา 26 (1) ประกอบมาตรา 78
รวมทั้งให้ออกหมายเรียกพยานผู้เชี่ยวชาญทั้งนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เพื่อสอบถามในประเด็นการทำร้ายดังกรณีที่เกิดขึ้น และขอให้ออกหมายเรียกคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน มาสอบถามว่าครูจุ๋มที่ทำร้ายเด็ก ทางสถานศึกษาจะมีบทลงโทษตามกฎหมายอื่นอีกหรือไม่ และตรวจสอบว่าครูจุ๋มมีใบอนุญาตดำเนินการในการเรียนการสอนหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตรา48 ประกอบมาตรา 79 จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในส่วนนี้ทุกเรื่องที่ยื่นมาในหนังสือฉบับนี้
ทางด้านผู้ปกครองกล่าวว่า จากที่ดูกล้องวงจรปิด มีเด็กนักเรียนประมาณ 20 คน ที่ถูกกระทำซ้ำๆ ต่างเวลาต่างวัน อย่างเช่นเคสน้องเสือลูกชายของตน มีการดึงหูและกระชากหัวอย่างรุนแรงตอนนี้รอผลทางการแพทย์อยู่ มีการเอ็กซเรย์ตรวจร่างกาย ทั้งภายนอกและภายใน หลังจากไล่ครูออกจากโรงเรียน มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว อยากให้เยียวยากับสิ่งที่เกิด ขึ้นอย่างลูกชายของตนนอนละเมอร้องไห้และมีพฤติกรรมก้าวร้าวไม่กล้าเข้าห้องน้ำ เวลาพูดดังๆจะมีอาการ ผวาต้องใช้เวลารักษาเยียวยาจิตใจซึ่งมันเอาคืนไม่ได้ ตนคิดว่าน่าจะโดนกระทำตั้งแต่เปิดเทอมหลังจากโควิทด 19 อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ส่วนผู้ปกครองอีกราย กล่าวว่า ลูกของตนและเพื่อนๆที่โดนทำร้ายบอกเหมือนกันว่า ทีชเช่อร์ บอกว่าเล่นกันในห้องเรียนแล้วเกิดบาดแผล แต่ตนสังเกตเห็นลูกของตนมีอาการผวาและเกร็ง ตัวสั่น พอสอบถามลูกของตนบอกว่าคุณครูไม่ให้พูด ตอนนี้ต้องพยายามดูกล้องวงจรปิด ตอนนี้ลูกของตนสารภาพมาแล้วว่าถูกกระทำในห้องน้ำ ทุกวันนี้ตนไม่ทราบว่าลูกเจ็บต้นขาเพราะอะไร สภาพจิตใจตนกับลูกแย่มาก ตนรับไม่ได้ เรียนโรงเรียนค่าเทอมขนาดนี้แล้วมาโดนทำร้ายแบบนี้อยากให้สื่อช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ส่วนเรื่องวงจรปิดทางโรงเรียนพยายามไม่ให้คลิปกับทางผู้ปกครอง ตนต้องอาละวาดถึงจะได้คลิปมา ซึ่งคลิปที่ได้มาใหม่นี้เป็นคลิปที่ครูจุ๋มทำร้ายเด็กด้วยการกดหัวเด็กลงกับโต๊ะเรียนที่มีแป้งจนเลอะเต็มหน้า แถมยังมีครูอีกคนเข้ามาซ้ำเติมกดหัวต่อพร้อมยกขาเตะจนเด็กกลัวร้องไห้ลุกหนี เหตุการณ์แบบนี้ตนรับไม่ได้จริงๆ
ขณะที่ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาพบ ผกก. สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม 2 ประเด็น ประเด็นแรกการรักษาพยาบาลของน้องที่ถูกทำร้ายน่าจะรักษาเกิน 5 วัน ไม่น่าจะใช่ความผิดลหุโทษ น่าจะเป็นไปตามกฎหมายอาญามาตรา 295 ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท ไม่ใช่แค่ปรับ 500 แล้วกลับบ้าน
ประเด็นที่ 2 ขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก มาตรา 26 อนุที่ 1 กรณีของการทารุณกรรมเด็ก ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตามกฎหมายด้วย
ประเด็นที่ 3 ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. สภาครูและบุคลากร ทางการศึกษา มาตรา 46 เกี่ยวกับใบอนุญาต การประกอบวิชาชีพ โดยขอให้ทาง ผกก. ทำหนังสือเชิญคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนที่กำกับดูแลสถานศึกษาแห่งนี้ มาให้ปากคำว่ากรณี แบบนี้มีความผิดทางกฎหมายตามใบอนุญาตหรือไม่ ต้องดูตามคลิปว่าเด็กถูกทำร้ายในแต่ละวันกี่ครั้ง เนื่องจากต่างกรรมต่างวาระ จะปรับ 500 แล้วจบเรื่องมันง่ายไป ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการในการลงโทษเด็กไม่ให้มีการทำร้ายร่างกายอยู่แล้ว เมื่อมีวงจรปิดโรงเรียนดังกล่าว เป็นโรงเรียนเอกชนผู้บริหารไม่เคยดูวงจรปิดเลยหรือ แล้วห้องอื่นจะมีเหตุการณ์แบบนี้ไหม วันนี้ที่มาอยากได้คำตอบว่าทางคณะกรรมการการศึกษาเอกชน เขาเห็นกรณีแบบ นี้จะมีส่วนกลางเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่
Advertisement