วันที่ 16 พ.ย. 67 นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร หรือ ทนายรณณรงค์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ในกรณี นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เข้าไปเกี่ยวพันกับเงิน 39 ล้านบาทของ นางจตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย จนถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง
ทนายรณรงค์ เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกตนให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ในคดีของทนายตั้มทุกประเด็น และไทม์ไลน์ ในฐานะเพื่อนสนิท ซึ่งตรงนี้ตนสามารถตอบได้ในบางเรื่องที่ทนายตั้มได้อยู่ร่วมกันทำกิจกรรม เช่น ถือศีล เที่ยวต่างจังหวัด หรือกินข้าวนอกบ้าน จะมีบ้างที่ทนายตั้มได้มีการชวนให้ตนไปเที่ยวที่บ้าน โดยอ้างว่าบ้านสวยหรูราคาแพง แต่ว่าตนยังไม่มีโอกาสได้ไป
ถ้าถามว่าแปลกใจไหม สำหรับการเติบโตทางด้านการเงินของทนายตั้ม ตนก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมถึงรวยผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้จะเอ่ยปากถามถึงที่ไปที่มาของเงิน ตนรู้จักกันมาหลายปีก็เริ่มมาเอะใจตั้งแต่มีเงินมาเปิดสำนักงาน และทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็ว จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นจนถูกจับในข้อหาฉ้อโกงเจ๊อ้อย
ทนายรณรงค์ กล่าวต่อว่า ในฐานะเพื่อนที่รู้จักทนายตั้มมาจะมีการเล่าเรื่องของเจ๊อ้อยให้ตนฟังหรือไม่นั้น ตนจำไม่ได้ว่าเคยเล่าหรือเปล่า เพราะก็ไม่ได้สนใจในเรื่องของบุคคลคนนี้ เพิ่งมารู้จักพร้อมกับนักข่าวหลังจากที่เป็นกระแสข่าวขึ้นมา
แต่ที่น่าแปลกใจ คือทำไมตำรวจต้องเรียกตนเข้าให้ปากคำอยู่คนเดียว ไม่คิดว่าเพื่อนคนอื่นจะโดนเรียกเข้าสอบปากคำด้วย จากที่ทราบตอนนี้เพื่อนของทนายตั้มทุกคนยังไม่มีถูกตำรวจเรียกเข้ามาสอบปากคำ
ส่วนในวงการทนายตั้มก็โดยเพื่อนร่วมอาชีพต่อว่า ที่มีพฤติกรรมแบบนี้จนถูกจับ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะโดนนินทาและด่าทอ
เมื่อถามว่า หลังจากเข้าให้ปากคำเสร็จ จะเดินทางไปเยี่ยมทนายตั้มในเรือนจำฯหรือไม่ ทนายรณรงค์ กล่าวว่า อันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต เดี๋ยวค่อยตัดสินใจในภายหลัง
Advertisement