วันที่ 2 ธ.ค.67 กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เป็นเจ้าของร้านค้าของชำโพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิดในร้าน ขณะทำการสแกนใบหน้าของพระสงฆ์รูปหนึ่งในหมู่บ้าน เพื่อจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่สแกนยังไงก็ไม่ผ่าน จนลูกค้าในร้านนำเทปพันสายไฟสีดำมาติดเป็นรูปทรงคิ้วให้กับพระสงฆ์ ปรากฏว่าสแกนใบหน้าผ่านทันที จนกลายเป็นกระแสดังไปในสื่อโซเชียลต่างๆ
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ร้านค้าดังกล่าว ที่หมู่ 5 ตำบลคำม่วง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น โดยได้พบกับนางฐิติภา ภูสี อายุ 46 ปี เจ้าของร้านขายของชำ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (1ธ.ค.2567) ตนเองขายของอยู่ที่ร้านตามปกติ ก็มีลูกค้าเข้ามาซื้อของหลายคน กระทั่งพระเข้ามาซื้อของ ซึ่งก่อนที่พระหลอดจะบวชนั้นก็เป็นลูกค้าที่ร้านและมาซื้อของบ่อย โดยจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังจากที่พระหลอด เลือกซื้อสินค้าเสร็จ ขั้นตอนที่จ่ายเงินปรากฏว่าไม่สามารถสแกนใบหน้าของพระหลอดได้ เนื่องจากใบหน้าไม่ตรงกัน โดยตนเองได้ลองพยายามสแกนให้ผ่านให้ได้แต่ก็ไม่ได้สักที จนคิดว่าจะให้พระกลับวัดก่อนแล้วค่อยมาทำการสแกนจ่ายเงินใหม่ภายหลัง
แต่ตนเองก็ไม่ละความพยายามจึงคิดว่าจะเอาเทปพันสายไฟสีดำตัดแปะที่คิ้วลักษณะเหมือนคิ้วชินจัง แต่ลูกค้าผู้ชายในร้านที่มาซื้อของบอกว่าให้ตัดเป็นรูปทรงคิ้วดีๆ ก่อนที่ลูกค้าจะตัดแล้วนำมาแปะที่คิ้วของพระหลอดปรากฏว่าสแกนหน้าผ่านทันที จนตนเองหลุดขำออกมา จึงนำคลิปดังกล่าวมาโพสต์ กระทั่งกลายเป็นกระแส ซึ่งส่วนตัวก็กังวลว่าจะทำให้พระเดือดร้อนหรือไม่ แต่พระสงฆ์ก็มาซื้อแต่ของที่ใช้ในกิจของสงฆ์เท่านั้น และตนเองเห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้การสแกนใบหน้าผ่าน
ด้านพระหลอด อายุ 45 ปี (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) พระลูกวัดในคลิปที่มาซื้อของให้สัมภาษณ์กับผู้ข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ได้มาซื้อของใช้ในกิจของสงฆ์ที่ร้านค้าใกล้วัด ปกติตอนที่เป็นฆราวาสก็จะมาซื้อของที่ร้านนี้เป็นประจำ กระทั่งได้มาบวชที่วัดแห่งนี้เมื่อไม่นานมานี้ก็กลับมาซื้อของที่ร้านนี้อีกครั้ง หลังจากเลือกของเสร็จตอนที่จ่ายเงินด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปรากฏว่าสแกนหน้าไม่ผ่านสักที ทั้งเปลี่ยนมุมถ่าย ทั้งกระพริบตา จนเจ้าของร้านปวดแขน จนในใจคิดว่าจะกลับวัดก่อนดีกว่า กระทั่งโยมที่มาซื้อของได้แนะนำว่าลองติดเทปสีดำให้เป็นคิ้วดู จึงได้ลองทำปรากฏว่าได้ทันที จึงได้มีการคุยกับเจ้าของร้านและญาติโยมที่มาซื้อของในร้านว่าเป็นกับคิ้วจริงๆด้วย ก่อนจะกลับมาที่วัด
กระทั่งมาทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่าได้ออกข่าว ทำให้ตอนนี้เกิดความกังวลว่าจะถูกตำหนิติเตียนหรือไม่ แต่ก็ยอมรับในผลที่จะเกิดขึ้น
Advertisement