วันที่ 4 ธ.ค. 67 ที่หอประชุมหมู่บ้าน บ้านนาทะนุง ชาวบ้านกว่า 100 คน รวมตัวประท้วง และรอฟังคำชี้แจงความคืบหน้า กรณีอดีตผู้ใหญ่บ้านหญิงวัย 41 ปี ยักยอกกองทุนเงินออมที่ชาวบ้านประหยัดอดออม หวังใช้ในบั้นปลายชีวิตบางส่วนถึงกับร้องไห้โห
โดยเมื่อ 3 ปีก่อน ทางชาวบ้านได้รวมตัวกัน และมีมติร่วมกันจัดตั้งกลุ่มออมเงินภายในหมู่บ้าน กำหนดให้สมาชิกสามารถให้กู้ยืม และดอกเบี้ย ปันผลทุก 3 ปี โดยจะครบกำหนดปันผลในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างรอคอยและดีใจที่จะได้เงินปันผลรอบแรก แต่ก่อนทำการปันผล 1 วัน ผู้ใหญ่บ้านไลน์แจ้งในกลุ่มหมู่บ้านว่า ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ เนื่องจากได้นำเงินไปใช้เกือบหมดแล้ว ต่างพากันตกใจ และเสียใจ จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.นาหมื่น แต่ระยะเวลาผ่านมาหลายเดือนก็ยังเห็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหญิงยังใช้ชีวิตตามปกติ
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหมื่น ได้เข้ามาชี้แจงกับชาวบ้านว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ เบื้องต้นต้องรอสอบพยานและรวบรวมหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ต่อไป
ด้านนายทศพล จักรบุญมา นายอำเภอนาหมื่น กล่าวว่า ในกรณีที่ผู้ใหญ่บ้าน พื้นที่ ต.นาทะนุง ได้นำเงินกลุ่มออมทรัพย์ของพี่น้องชาวบ้านประมาณ 5 ล้านบาทไปใช้ส่วนตัว เบื้องต้นได้รับแจ้งจากในพื้นที่ว่าทางอำเภอก็ได้ลงมาประชุมรับทราบปัญหา และข้อเท็จจริงร่วมกับสมาชิกในกลุ่ม และคณะกรรมการที่ดำเนินการในเรื่องของกลุ่มออมทรัพย์ ทำให้ทราบว่ามีการดำเนินการเป็นกลุ่มออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นเอง โดยพี่น้องชาวบ้านบ้านนาทะนุงก็จะมีการออมทรัพย์กันนำเงินไปให้กับคณะกรรมการแล้ว คณะกรรมการก็นำเงินไปให้กับทางผู้ใหญ่บ้าน ไปฝากที่ธนาคารเป็นระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ทางผู้ใหญ่บ้านไม่ได้นำเงินไปฝากธนาคาร โดยสามารถรวบรวมข้อมูลได้คือประมาณ 5 ล้านบาทเศษ
ซึ่งล่าสุดทางหมู่บ้านได้มีการประชุมตกลงกันภายในหมู่บ้าน ทางผู้ใหญ่บ้านได้นำเงินมาคืนเบื้องต้นจำนวน 4 แสนบาท และรับว่าได้นำเงินไปใช้ส่วนตัวจริงคงเหลือเงินที่ยังไม่ได้คืนประมาณ 4.7 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของคดีทางแพ่งก็ได้มีการตกลงเจรจาก่อนฟ้องโดยศาลจังหวัดน่าน ทางผู้ใหญ่สัญญาจะจ่ายเงินคืนให้กับกลุ่มออมทรัพย์ดังนี้ในเดือน ม.ค. 68 จำนวน 100,000 บาท มี.ค. 100,000 บาท พ.ค. 100,000 บาท และหลังจากนั้นทุก 6 เดือนจะจ่ายคืนครั้งละ 500,000 บาท จนกว่าจะครบ
แต่ว่าเบื้องต้นทางผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งก็ไม่สามารถที่จะดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอยู่ได้แล้วก็ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ในเบื้องต้นทางอำเภอ ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริ งก็เลยต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเรื่องราวมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จนเราได้ทราบข้อเท็จจริงใช้อำนาจทางการปกครองในการอนุญาตให้ผู้ใหญ่บ้านลาออกจากตำแหน่ง และได้ดำเนินการรายงานข้อเท็จจริงให้ทางจังหวัด เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านคณะกรรมการหมู่บ้านได้แจ้งในที่ประชุมว่า นอกจากอดีตผู้ใหญ่บ้านจะนำเงินกลุ่มออมทรัพย์ไปแล้ว ยังได้นำเงินค่าน้ำประปาหมู่บ้าน รวมทั้งเงินบำรุงฌาปนสถานไปอีกกว่า 50,000 บาท โดยจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการนำเงินส่วนไหนไปอีก
ทั้งนี้จากแหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลว่าจากการตั้งกรรมการสอบสวนอดีตผู้ใหญ่ได้ยอมรับว่าได้นำเงินไปลงทุนออนไลน์แต่เมื่อลงในลายละเอียดพบว่าเป็นการเล่นการพนันออนไลน์ในส่วนของทางด้านคดีเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ตั้งแนวทางเป็นคดียักยอกทรัพย์โดยจะแบ่งเป็นต่างกรรมต่างวาระแต่ต้องรอสอบพยานและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะดำเนินการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
Advertisement