วันที่ 10 ธ.ค. 67 เครือข่ายเสียงประชาชน (สปช.) ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างจตุรัสเมืองตรัง วงเงิน 43 ล้านบาท บริเวณหอนาฬิกาเมืองตรัง ถนนวิเศษกุล เขตเทศบาลนครตรัง จ.ตรัง หลังครบ 700 วัน ตามสัญญาไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 67 แต่โครงการก็ยังสร้างไม่เสร็จ
ซึ่งปัจจุบันกรมโยธาธิการ และผังเมือง เป็นคู่สัญญา ฝ่ายผู้ว่าจ้างกับบริษัทแห่งหนึ่ง ฝ่ายผู้รับจ้างได้อนุมัติ ตามที่ผู้รับจ้างเสนอขอขยายเวลาการก่อสร้างเพิ่มอีก 121 วัน โดยผู้รับเหมาได้มีคำร้องขอขยายวันทำงาน โดยอ้างเหตุวันเสียโอกาสในการทำงาน (Dailyreport)
จากการก่อสร้างที่ล่าช้าเป็นอย่างมากนั้น ได้ส่งผลกระทบทำให้ประชาชนชาวตรังได้รับความเดือดร้อน ฝนตกรถติด คอนกรีตที่เททำถนนใหม่ไปแล้วบางส่วนกลับชำรุดเป็นหลุมอันตราย พื้นที่การก่อสร้างไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการวางวัสดุอุปกรณ์ส่งผลกระทบต่อการจราจร การปิดกั้นการจราจรมีความสับสน และไม่ปลอดภัย ขั้นตอนการก่อสร้างทำๆ หยุดๆ ใช้คนงานน้อย
โดยกรมโยธาธิการให้ข้อมูลว่า ฝ่ายผู้รับจ้างรายงานว่าขณะนี้ความคืบหน้าการก่อสร้างอยู่ที่ 80% ซึ่งค้านสายตาชาวบ้านผู้พบเห็น เนื่องจากยังเหลือเนื้องานตามแบบก่อสร้างอีกมาก
ทั้งนี้นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยโยธาธิการจังหวัดตรัง ผู้แทนสำนักช่างเทศบาลนครตรัง ปลัดจังหวัดตรัง ผกก.สภ.เมืองตรัง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนบริษัทผู้รับจ้างได้ร่วมลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาข้อห่วงใย และข้อเรียกร้องจากภาคประชาชน
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้รับหนังสือจากภาคประชาชน ซึ่งนอกจากหนังสือจะเร่งรัดให้ก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วแล้ว ยังได้ขอข้อมูลรายละเอียดโครงการตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เพื่อประโยชน์สาธารณะในการติดตามตรวจสอบโครงการ ส่งถึงอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองกระทรวงมหาดไทยต่อไป ทั้งนี้ภายหลังยื่นหนังสือประธาน สปช.ได้ประกาศขอตามติดหนึบโครงการให้เสร็จตามที่รับปากกับไว้กับประชาชน
นายทรงกลด กล่าวว่า สำหรับโครงการจตุรัสเมืองตรังที่ก่อสร้างล่าช้าไม่แล้วเสร็จตามสัญญา 700 วันนั้น เมื่อครั้งที่ตนมาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ พอได้สังเกตเห็นพบว่าการทำงานมีการล่าช้า กระทั่งมาเป็นผู้ว่าฯ ก็ติดตามสอบถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องตลอด พบปัญหาคือการก่อสร้างไม่ต่อเนื่อง ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้จะเป็นโครงการที่มาจากส่วนกลาง โดยที่ทางหน่วยงานส่วนท้องถิ่นไม่ได้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาได้โดยตรง แต่ก็พร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการประสานการแก้ปัญหา และต้องขอขอบคุณทางประชาชนที่ได้ร่วมกันสอดส่องติดตามปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง โดยเฉพาะการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เกิดข้อติดขัด เพราะทุกอย่างมาจากภาษีประชาชน
สำหรับเรื่องนี้ทั้งทางจังหวัดและทางโยธาธิการจังหวัดยินดีรับฟังทุกปัญหา และพร้อมจะเร่งส่งต่อข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตามได้รับข้อแนะนำที่ดีจากเครือข่ายประชาชนในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้าง โดยเฉพาะข้อกังวลในเรื่องของการล้มของต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากมีการตัดคันดินบริเวณเนินศาลากลาง เพื่อทำการก่อสร้างโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างจากเทศบาลนครตรังยินดีที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการป้องกันการล้มของต้นไม้ใหญ่อาทิการคำยันหรือการยึดโยงบางอย่างเพราะเรื่องความปลอดภัยต้องมาก่อนอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจะเกิดความเสียหายอย่างมาก
ด้านนายรัตน์ ภู่กลาง ประธาน สปช. บอกว่า ภาคประชาชนและชาวตรังมีความห่วงใยต่อโครงการต่างๆ ที่ก่อสร้างไม่เสร็จ โดยเฉพาะโครงการที่มีงานที่ปรากฎอยู่ทั่วจังหวัดตรัง ซึ่งนอกจากจะเสียหายต่อภาษีของพี่น้องประชาชนแล้วยังถือเป็นการทำลายโอกาสของบ้านเมืองและชาวตรัง โดยเฉพาะโครงการจัตุรัสเมืองตรังนี้ สัญญาก่อสร้างยาวนานถึง 700 วัน โดยหมดสัญญาไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่งานดูแล้วพื้นที่การก่อสร้างมีเพียงแค่ไม่เกิน 5 ไร่ และเป็นเพียงการทำถนนกับปรับภูมิทัศน์เท่านั้น
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำๆ หยุดๆ จนทำไม่เสร็จ และยังมีการขยายวันทำงานออกไปอีก 121 วัน สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค. 68 ดังนั้นภาคประชาชนจะติดตามทุกฝีเก้าจนกว่าจะสร้างเสร็จตามที่ขอขยาย โดยพื้นที่ตรงนี้เป็นหน้าตาของบ้านเมืองใครไปใครมาก็ต้องผ่านตรงนี้ แต่ทุกวันนี้มันมีสภาพเป็นเหมือนเล้าเป็ด ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย กระทบการจราจรสร้างนานถึง 2 ปีก็ยังไม่เสร็จทำงาน ก็ไม่เรียบร้อยเหมือนสร้างเล้าเป็ดอยู่กลางเมือง แล้วยังขอขยายอีก เหมือนกับเด็กทารกเกิดและโตมาจนอายุได้ 2 ปี เดินได้แล้ว แต่จัตุรัสเมืองตรังก็ยังสร้างไม่เสร็จ ดังนั้นรอบนี้ถ้าไม่เสร็จอีกชาวบ้านจะไม่ยอมแล้ว
Advertisement