จากกรณีเฟสบุ๊กเพจ “Bangkokbusclub.com ชุมชนคนรักรถเมล์” ได้โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์บนรถเมล์สาย 2-33 (บัวทองเคหะ - บางซื่อ) เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้โดยสารชายรายหนึ่ง พยายามเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ และขอไลน์กับกระเป๋ารถเมล์สาว แต่เมื่อถูกปฏิเสธกลับถูกผู้โดยสารชายคนดังกล่าวใช้กำปั้นทุบตัวกระเป๋ารถเมล์สาวอย่างแรง ก่อนลงจากรถเมล์ไป
แต่เหตุการณ์กลับไม่จบแค่นั้น เมื่อกระเป๋ารถเมล์สาวคนดังกล่าว ถูกรายงานไปยังกรมขนส่งทางบก เรื่องกริยาวาจาไม่สุภาพ เจ้าตัวจึงต้องนำคลิปหลักฐานไปแสดงกับกรมขนส่งทางบก เพื่อให้ยุติรายงานนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ของกรมขนส่งทางบอกกลับบอกว่า “เราต้องใจเย็นมากกว่านี้ เพราะเราทำงานบริการ”
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 67 ทีมข่าวเดินทางไปยังองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เขตการเดินรถ 7 (อู่บัวทองเคหะ) อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นอู่ของรถเมล์สาย 2-33 (บัวทองเคหะ - บางซื่อ) คันที่เกิดเรื่อง โดย น.ส.พิโชบล ยาดี อายุ 24 กระเป๋ารถเมล์ที่ปรากฏในคลิป เปิดใจกับว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00 น. โดยก่อนเกิดเหตุผู้โดยสารชายคนนี้ก็ขึ้นเดินขึ้นรถมา และจ่ายค่าโดยสารกับตนตามปกติ บอกว่าจะไปลงที่เซ็นทรับเวสต์เกต ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไรก็เข้าไปเก็บเงิน แต่อยู่ๆ ผู้โดยสารชายคนนี้ก็เดินมานั่งที่เบาะข้างหลังตน ก่อนจะสะกิดข้างหลัง และขอเบอร์โทรศัพท์กับขอไลน์กับตน ตนก็ได้ปฏิเสธไปบอกว่าไม่เล่นไลน์
ด้วยความที่ตนเริ่มกลัว จึงลุกไปนั่งข้างหลังคนขับรถเมล์ แต่ผู้โดยสารชายคนนี้ก็ยังลุกตามมานั่งที่นั่งฝั่งตรงข้ามใกล้ๆ กับตน และยื่นโทรศัพท์มาให้ และตื้อจะขอไลน์ตนอีกครั้ง ตนก็ตอบปฏิเสธไปอีกทีหนึ่ง และกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิป แต่จังหวะนั้นผู้โดยสารคนนี้ก็ลุกก็มาและกระชากแขนตน ก่อนจะตีเข้าบริเวณท้ายทอยของตนอย่างแรงมตนเจ็บมาก คนขับรถเมล์จึงเปิดประตู และไล่ผู้โดนสารคนนี้ลงไป ตนทำอะไรไม่ถูก จึงเดินไปถามผู้โดยสารชายคนนี้ว่า ‘ทำแบบนี้ทำไม‘ ทว่าหลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนกับถูกร้องเรียนเรื่องกิริยากับขนส่งฯ โดยผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่ในรถตอนนั้น
ตนจึงอยากนำคลิปวงจรปิดนี้มายืนยันว่าตนเป็นผู้เสียหาย ระหว่างที่ตนก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ซึ่งหลังคลิปวงจรปิดได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีชาวเน็ตให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนยอมรับว่าดีใจ เพราะตนเพิ่งมาทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์ได้ไม่ถึงสามเดือน แต่กลับเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งรุ่นพี่ของตนทำงานกระเป๋ารถเมล์ด้วยกันก็เล่าให้ตนฟังว่า เจอผู้โดยสารชายรายนี้เป็นประจำ ทราบเพียงว่าเป็นคนสติไม่ดี แต่ก็ไม่เคยก่อเหตุกับใคร ก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับตนเป็นคนแรก
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับนายนพรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้ก่อเหตุที่ปรากฏในคลิปบนรถเมล์ โดยนายนพรัตน์ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนตั้งใจจะนั่งรถเมล์สายดังกล่าวไปตลาดแถวเซ็นทรัลเวสต์เกต และตนเห็นว่ากระเป๋ารถเมล์น่ารัก จึงเข้าไปขอไลน์กับเบอร์โทรศัพท์ แต่ทางกระเป๋ารถเมล์กลับตอบมาว่า ‘ไม่เอา ไม่เล่นไลน์’ แต่ตนก็ยังพยายามขอกับกระเป๋ารถเมล์อีก แต่กระเป๋ารถเมล์ก็ยังไม่ให้จึงตบกระเป๋ารถเมล์ไป 1 ที เพราะยอมรับว่าโมโห ส่วนกระเป๋ารถเมล์ก็ได้ด่าตนกลับมาว่า “ไอเหี้ย ไอสัตว์” ก่อนที่ตนจะถูกไล่ลงจากรถเมล์ ซึ่งตนยืนยันว่า ตนไม่เคยมีปัญหากับกระเป๋ารถเมล์คนนี้มาก่อน เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ และก็เห็นว่ากระเป๋ารถเมล์คนนี้สวยน่ารัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเรื่องขึ้นตนก็อยากขอโทษกระเป๋ารถเมล์คนนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อยากให้กระเป๋ารถเมล์คนนี้บริการให้ดีขึ้น ตนขอโทษ ขออภัย และจากนี้จะไม่ทำแล้ว
ขณะที่ น.ส.นันทิดา (นามสมมติ) แม่ของนายนพรัตน์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.พิโชบล จะเดินทางไปแจ้งความกับลูกชายว่า ปกติลูกของตนเวลาอยู่บ้านก็จะมีพฤติกรรมเถียงตนทุกอย่าง และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลยหากไม่มีสมาธิ และยิ่งหากลูกชายถูกย้ำหรือต่อว่ามากๆ
จากนั้น น.ส.นันทิดา แม่ของนายนพรัตน์ อนุญาตให้ทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” เป็นสื่อกลางพานายนพรัตน์ ไปไกล่เกลี่ยพูดคุยกับ น.ส.พิโชบล โดยพ่อของนายนพรัตน์จะตามมาในช่วงเย็น
จากนั้นทีมข่าวไปพานายนพรัตน์เดินทางไปที่บ้านในพื้นที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เนื่องจากนายนพรัตน์ขอเข้าไปกินยาประจำตัวออทิสติกก่อนจะเดินทางไปกับทีมข่าว โดยบ้านของนายนพรัตน์เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น สภาพค่อนข้างทรุดโทรม ซึ่งช่วงหนึ่งนายนพรัตน์ได้โชว์ และกินยาประจำตัวโรคออทิสติกให้กับทีมข่าวดู ก่อนที่ทีมข่าวจะพานายนพรัตน์ขึ้นไปกับทีมข่าว เพื่อเดินทางไป องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เขตการเดินรถ 7 (อู่บัวทองเคหะ) อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
จากนั้นนายสมหมาย ชูเลิศ หัวหน้างานกลุ่มปฏิบัติการเดินรถ 17 ได้เป็นตัวแทนในการไกล่เกลี่ย โดยมี น.ส.พิโชบล ผู้บาดเจ็บ และนายนพรัตน์ ผู้ก่อเหตุ รวมถึงนายนนทชัย (นามสมมติ) พ่อของผู้ก่อเหตุ โดยช่วงหนึ่งนายนนทชัย กล่าวว่า ตนยอมรับว่าดูแลลูกได้ไม่ดีพอ โดยจากนี้ก็จะดูแลลูกให้ดีขึ้น โดยไม่ให้ลูกใช้โทรศัพท์ หรือไม่ก็จะติดตั้ง GPS ในโทรศัพท์ของลูก รวมทั้งต้องขอโทษผู้บาดเจ็บบาด ตนยินดีจะชดใช้และเยียวยาทุกกรณี
ส่วนนายนพรัตน์ กล่าวว่า ตนยอมรับผิด และจากนี้จะไม่ทำอีก พร้อมขอโทษพ่อที่ทำให้เดือดร้อน และขอโทษกระเป๋ารถเมล์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน น.ส.พิโชบล กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นออทิสติก แต่ตนตั้งคำถามว่าผู้ปกครองปล่อยให้ลูกที่เป็นออทิสติกออกมาข้างนอกและก่อเหตุแบบนี้ได้อย่างไร เพราะถ้าหากว่าตนถูกทำร้ายร่างกายมากกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น ตนจะยอมไกล่เกลี่ย และจะเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพัก เพราะตนได้ผลกระทบอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากนั้นทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางไปยัง สภ.บาวกรวย พร้อมกับ น.ส.พิโชบล ผู้บาดเจ็บ นายนนทชัย พ่อของผู้ก่อเหตุ และนายนพรัตน์ ผู้ก่อเหตุ โดยทางฝ่ายของน.ส.พิโชบล เข้าไปลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน โดยหลังจากนั้นทางพนักงานสอบสวนได้เรียกทั้งสองฝ่ายเข้าไปพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยใช้ระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงก่อนที่จะได้ผลสรุป ซึ่ง น.ส.พิโชบล กล่าวว่ากับทีมข่าว เบื้องต้นทางพ่อของผู้ก่อเหตุยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น 4,000 บาท เพื่อถือเป็นค่าทำขวัญ จากที่ตนได้รับผลกระทบจากงาน เนื่องจากตนเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่นาน ทำให้ตนต้องขาดงาน และถูกร้องเรียนไปกรมขนส่งทางบก จนต้องเดินทางไปกรมขนส่งทางบกด้วยตัวเอง เพื่อนำคิดหลักฐานไปยืนยันว่าตนเป็นผู้เสียหาย
อย่างไรก็ตาม หลังทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” พาพ่อของผู้ก่อเหตุ เข้ามาไกล่เกลี่ยและพูดคุยก็ยอมรับว่ารู้สึกสบายใจขึ้น เนื่องจากทางพ่อของผู้ก่อเหตุได้มีการขอโทษแทนลูกชาย ซึ่งตนก็รับคำขอโทษ แต่จากนี้ตนก็ยังยืนยันว่าอยากให้พ่อของผู้ก่อเหตุดูแลลูกชายของตัวเองให้ดีกว่านี้
Advertisement