วันที่ 30 ม.ค. 68 ที่สภาทนายความ นาย วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ในวันนี้ที่ตนเดินทางเข้ามาก็มีนัดไต่สวน 2 คดีซ้อน คดีแรกคือคดีที่ตนได้เป็นผู้ร้องถึง นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ที่ได้มีการร้องไว้ตั้งแต่ปี 66
ส่วนคดีที่สองคือคดีของทนายอั๋น บุรีรัมย์ กับทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ซึ่งก็อยู่ในปี 66 เช่นเดียวกัน ตอนนั้นเราได้มีการร้องเรียนกันไป แต่สุดท้ายก็โดนฟ้องกลับ โดยทันทีที่ศาลแขวงดอนเมืองได้มีการแจ้งข้อหาว่าตนแจ้งเท็จ ถือว่าโทษอาญาสูงมากมีโทษจำคุก 7 ปี ส่วนอีกข้อหาที่ได้มีการฟ้องกลับมาคือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
เราก็ได้มีการสู้คดีกันที่ศาลแขวงดอนเมือง ปรากฏว่าทางฝั่งเราก็ชนะคดี และหลังจากนั้น ทางฝั่งของทนายเดชาก็อุทธรณ์ต่อ และศาลไม่รับอุทธรณ์ จึงทำให้คดีถึงที่สุด ตนจึงได้มีการทำหนังสือถึงศาล เพื่อขอเลขเอกสารสิ้นสุดคดี เพื่อนำมายืนยันว่าตนได้ชนะคดีแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นข่าวขึ้นมาจึงมีคำถามขึ้นมาถึงสภาทนายความว่าเรามีการร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2566 ต่อสู้กันมาผ่านมา 3 ศาล จนเราชนะคดีหมดแล้ว แต่ทำไมพวกคุณถึงดูเงียบไป ไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างของทางทนายอั๋นที่เข้ามาด้วยกันในวันนี้ก็มีการมาร้องไว้ตั้งแต่ปี 66 เช่นกัน
วันนี้เราจะเห็นได้ว่าใครที่มาใช้สิทธิ์โดยสุจริตมีการมาร้องเรียนใครก็ตามที่สภาทนายความ ก็มักจะพบว่าทุกคนที่เข้ามาร้องโดนฟ้องเกือบทั้งหมด ซึ่งตนเองก็อยากจะทำเรื่องนี้ให้เป็นบรรทัดฐาน ตนโดนฟ้องที่ศาลแขวงดอนเมือง เนื่องจากมาร้องมารยาททนายความจนศาลตัดสินไม่มีความผิดสู้กันผ่านมา 3 ศาล และตนก็ชนะมาทั้งหมดทางสภาทนายความจะมีความเห็นอย่างไรวันนี้ตนไม่ได้มากดดันแต่ก็ว่ากันด้วยพยานหลักฐาน
ตนจะเอาคำพิพากษาต่างๆ ที่ตนได้นำมาสู้ในคดีมาให้กับคณะกรรมการมรรยาททนายความได้เห็นว่าข้อร้องเรียนของพวกเรานั้นมันมีมูลความจริงเพียงพอ ที่คณะกรรมการควรจะพิจารณาตามคำร้องอย่างน้อยก็คือการถอดตั๋วทนายเดชาตลอดชีพ ซึ่งตนก็มองว่าทนายเดชาเหมาะที่จะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ เหมาะที่จะไปเปิดเพจไลฟ์สด และด่าคนนั้นคนนี้ดีกว่า ไม่ควรที่จะมาว่าความต่อไป วันนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินการของสภาทนายความ และตนก็ดีใจมาก
ด้านทนายอั๋น กล่าวว่า การที่สภาทนายความออกมาดำเนินการในครั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่าสาระสำคัญต้องการให้มีผลอย่างไร หนังสือได้มีการออกมาเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 67 ซึ่งก็หมายความว่าในขณะนั้นตัวของทนายตั้มได้ถูกดำเนินคดีไปก่อนแล้ว ซึ่งตนได้มีการมาร้องเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค. 66 หากไม่เป็นข่าวขึ้นมาสบาย แต่ความจะนิ่งเฉยหรือไม่
จริงๆ แล้วในวันนี้สาระสำคัญคือ ต้องการให้คู่ความ หรือผู้ร้อง และผู้ถูกร้องมาเจอกันแล้วถามว่าคุณมีพยานหลักฐานอะไรบ้าง มีพยานบุคคลกี่คน สุดท้ายแล้วพบว่าการนัดไต่สวนนัดแรกไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรเพียงพอที่เจ้าตัวจะมาเอง ทั้งทางฝั่งของทนายเดชา หรือทางฝั่งของทนายตั้มเอง พวกคุณเพียงแค่ต้องมาเข้าสู่กระบวนการให้เสร็จสิ้น ถ้าตนแพ้คุณก็ฟ้องกลับก็เท่านั้น ไม่ใช่มาเลื่อนแบบนี้ ตนเดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ 600 กว่ากิโลเมตร ก็ไม่ใกล้ อีกทั้งยังเรียกตนมาในตอนที่ทนายตั้มถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำไปแล้ว
Advertisement