วันที่ 4 ก.พ. 68 ที่จ.ฉะเชิงเทรา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ว่าถูก นายสมหมาย (สงวนนามสกุล) สามีใหม่ทำร้ายต่อหน้าลูกชายวัย 3 ขวบ จนสลบกรามแตก ดั้งหัก และตัว น.ส.ก้อยเองยังตั้งท้องกับสามีใหม่ได้ 3 เดือนแล้ว ซึ่งตนเองอยากจะเลิก แต่ก็กลัว เพราะนายสมหมายขู่จะยิงตนเอง และคนในครอบครัว หากจะเลิกกัน
น.ส.ก้อย ซึ่งอยู่ในสภาพที่ฟกช้ำไปทั้งตัว เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องหนีกลับมาอยู่บ้าน เพราะว่าทนนายสมหมายไม่ไหว ตลอดระยะเวลาที่คบกันประมาณ 5 เดือนนายสมหมายเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูง จะขอมีอะไรกับตนอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง และทุกๆ วัน เวลามีอะไรกันก็จะกัดตนบีบคอหรือจิกผม หากตนเองไม่ยอมก็จะหงุดหงิดฉุนเฉียว และพาลมาทำร้ายตน ตนเองมาทราบว่าที่หลังว่าภรรยาเก่านายสมหมายหนีไปก็คงทนไม่ไหวในเรื่องแบบนี้
ซึ่งวันเกิดเหตุคือวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนเองบอกนายสมหมายว่าจะกลับมาบ้านที่ ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อมาไหว้ตรุษจีนที่บ้าน แต่ยังไม่ขอกลับไปบ้านนายสมหมายที่เปิดเป็นร้านสักในพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว เพราะต้องดูแลยายที่ป่วย ต้องเจาะคอ จนกระทั่งเวลา 18.00 น. ตนเองนั่งอยู่หน้าบ้าน นายสมหมายได้ขับรถมาก่อนจะบอกว่าขอเงินตนเอง 20 บาท ให้พาเดินไปซื้อบุหรี่ที่ร้านค้าอยู่ข้างบ้าน ตนเองก็ไม่คิดว่านายสมหมายจะมาทำร้าย เพราะมาแบบปกติ แถมยังชวนลูกชายตน อายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกติดว่าจะพาไปซื้อขนมด้วย ตนเองจึงพาลูกชายเดินออกมาพร้อมนายสมหมาย พอเดินผ่านประตูรั้วหน้าบ้านนายสมหมายได้ผลักตนเองล้มลงแล้วลากไปกับพื้นปูน ก่อนจะใช้เท้าเตะเสยหน้า ตนเองพยายามขอร้องให้นายสมหมายหยุด แต่นายสมหมายยิ่งทำชกต่อยเตะตนจนลูกชายยืนร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ตะโกนขอให้ยายช่วยก่อนจะสลบไป มาฟื้นอีกครั้งที่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ตนเองได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา และต้องการเลิกขาดกับนายสมหมาย แต่ก็กลัวว่านายสมหมายจะกลับมายิงตนเอง และคนที่บ้าน เนื่องจากว่านายสมหมายเคยขู่ไว้ หากต้องเลิกกัน
นายสมหมายเคยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยมีคดีพยายามฆ่ามาก่อน ทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัว และไม่ปลอดภัยจึงอยากร้องผ่านสื่อถึงมูลนิธิเป็นหนึ่งให้เข้ามาช่วยเหลือ หยุดพฤติกรรมของนายสมหมายสามีเก่า และเรียกร้องอยากให้มาชดใช้ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตน
ขณะที่ นายสมหมาย เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับว่ามีอะไรกับ น.ส.ก้อยจำนวนหลายครั้งต่อวันจริง เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องปกติของคนในครอบครัว อีกทั้งน.ส.ก้อยก็ยินยอมตนเองทุกครั้งที่มีอะไรกัน ตนเองยอมรับว่าไปทำ น.ส.ก้อยจริง เนื่องจากมีความกดดันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องส่วนตัวของตนเอง และเรื่องที่บ้านของ น.ส.ก้อย ที่ไม่ยอมรับตน ตนพยายามพูดจาปรับความเข้าใจกันมาหลายรอบแล้วแต่ไม่เป็นผล
ส่วนวันที่เกิดเรื่อง ตนเองได้ดื่มเบียร์ไปหลายขวด ก่อนเดินทางไปหา น.ส.ก้อยที่บ้านในพื้นที่ อ.เมือง ขณะที่ลงมือทำร้าย น.ส.ก้อยนั้น เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง และน.ส.ก้อยเดินหนีจึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบลงมือทำร้ายไป หลังเกิดเรื่องตนเองก็ให้พี่สาวไปดูอาการและฝากเงินไปให้ น.ส.ก้อยไว้ใช้กิน ทั้งนี้ตนเองรัก น.ส.ก้อยอยากให้มาอยู่กับตน กินของดีๆ ตนเองทำเพื่อ น.ส.ก้อยมาโดยตลอด ตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัวเพราะ น.ส.ก้อยไม่มีงานทำ และตนเองก็เป็นคนเลี้ยงดูมาตลอด
ส่วนเรื่องถ้าเลิกกันแล้วขู่จะไปทำร้าย ไม่เป็นความจริง ตนเองอายุเข้าเลขสามแล้ว มีความคิด มีภาระเยอะคงจะไม่เอาอะไรไปเสี่ยงแบบนั้น ส่วนต่อจากนี้หาก น.ส.ก้อยจะแจ้งความดำเนินคดีกับตนนั้นตนเองก็พร้อมว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ยินดีจะชดใช้เรื่องค่ารักษาพยาบาลให้ แต่ต้องหาเงินก่อน เนื่องจากเงินที่ตนเองมีนั้นได้ใช้เลี้ยงดู น.ส.ก้อยไปหมดแล้ว
Advertisement