หลังจากที่มีการตัดไฟฟ้าส่งไป จ.ท่าขี้เหล็ก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนในท่าขี้เหล็กต่างข้ามฝั่งมายัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อซื้อเครื่องปั่นไฟกันอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ร้านรุ่งเจริญ บ้ายป่าเหมือด อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีชาวเมียนมา โดยสารรถรับจ้างมาซื้อเครื่องปั่นไฟอย่างต่อเนื่อง ทำให้พนักงานร้านต้องเร่งทำงานเช็คเครื่องปั่นไฟ ก่อนจำหน่ายให้กับลูกค้า
โดยพนักงานได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาจนถึงบ่าย ขายเครื่องปั่นไฟได้มากกว่า 10 เครื่องแล้ว ซึ่งนับไม่ทันแล้วว่าขายไปประมาณกี่เครื่อง และยังคงมีลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องปั่นไฟที่ลูกค้ามาซื้อมีหลายขนาด ตั้งแต่ราคา 5,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของไฟฟ้าที่จะจ่ายไป
ทางด้านปั๊มน้ำมันในท่าขี้เหล็ก พบว่ามีประชาชนต่อแถวเข้าไปซื้อน้ำมันเป็นจำนวนมาก รถติดยาวประมาณ 1 กิโลเมตร บางคนรอเพื่อจะเดิมน้ำมันนานถึง 1 ชั่วโมง นอกจากจะเติมน้ำมันสำหรับยานพาหนะแล้ว ยังซื้อน้ำมันไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปั่นไฟอีกด้วย
ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้มีการปรับระบบไฟฟ้าในพื้นที่ โดยเปลี่ยนไปใช้ไฟจากประเทศลาวแทน โดยแหล่งข่าวใน จ.ท่าขี้เหล็ก ระบุว่าการปิดกระแสไฟฟ้าจากฝั่งไทยทำให้ฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในอดีตฝั่งเมียนมาเคยซื้อกระแสไฟฟ้าจากประเทศไทยและ สปป.ลาว พร้อมๆ กัน โดยมีสัดส่วนมาจากประเทศไทย 75% มีมูลค่าการซื้อเดือนละประมาณ 40 ล้านบาท และจาก สปป.ลาว 25% แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งมีกระแสเรื่องการปราบปรามขบวนการหลอกลวงหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างหนัก ทำให้ทางการเมียนมาหันไปซื้อกระแสไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงมามากขึ้นในอตรา 70% และฝั่งไทยเหลือประมาณ 30% กระนั้นความนิยมในกระแสไฟฟ้าของไทยมีมากกว่า เพราะมีเสถียรไม่ดับง่าย ส่วนของ สปป.ลาว มักจะดับง่ายทำให้อุปกรณ์บางอย่างเสียหายได้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าสำหรับปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จ.ท่าขี้เหล็ก นั้น ยืนยันว่ามีเหลืออยู่น้อยมาก แทบจะไม่ถึง 1% จากที่เคยมี เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทางการเมียนมาได้ทำการปราบปรามอย่างหนัก มีการจับกุมผู้คนไปแล้วหลายร้อยคน ทำให้หากจะมีหลงเหลืออยู่ก็เป็นพวกลักลอบอยู่ตามร้านกาแฟหรืออื่นๆ ซึ่งมีเหลืออยู่น้อยมาก
Advertisement