วันที่ 10 ก.พ. 68 ที่จ.ชัยนาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาทเข้าระงับเหตุวุ่นวายที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ภายหลังรับแจ้งจาก รปภ.ว่ามีเหตุทะเลาะกันชุลมุนวุ่นวาย ระหว่างคนที่จะมาถอนเงินกับญาติๆ ที่ตามมาขัดขวางไม่ยอมให้ถอน
โดยพบว่า นางกาญจนากำลังเอะอะโวยวาย ฝ่ายที่มาขัดขวางการถอนเงิน ซึ่งก็คือพ่อแม่และลูกชายของนางกาญจนาเอง เมื่อตรวจสอบพบว่านางกาญจนเขียนใบถอนเงินจากบัญชีธนาคาจำนวน 2 บัญชี มีเงินบัญชีละ 15,000 บาท รวม 2 บัญชี 30,000 บาท แต่บัญชีเป็นชื่อของน้องท็อป (สมมติ) ลูกชาย ที่ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปวช.
นางกาญจน บอกว่า เป็นผู้ปกครองขอใช้สิทธิเบิกถอนแทน แต่นางสมนึกแม่ของนางกาญจนา และเป็นยายของน้องท็อปเจ้าของบัญชี บอกว่า ไม่ยินยอมให้ถอนหมด เพราะเงินที่อยู่ในบัญชีดังกล่าว ทางปู่ย่าตายายได้เปิดบัญชีไว้ให้น้องท็อปได้มีทุนเรียนหนังสือ ทำให้ตกลงกันไม่ได้ ตำรวจต้องเชิญตัวทั้งสองฝ่ายไปที่โรงพัก
เมื่อไปถึงที่โรงพัก ฝั่งของตายายและน้องท็อปบอกว่า สงสารแม่ก็จะให้แม่ถอนเงิน 15,000 บาท และขอไว้เป็นทุนเรียนหนังสือสักบัญชีหนึ่งที่มีเงิน 15,000 บาทเหมือนกัน ด้านนางกาญจนายังไม่ยอม ยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวว่าจะถอนทั้ง 2 บัญชี จะได้ไม่เสียเวลามาหลายรอบ จนตำรวจต้องกล่อมว่า เป็นแม่ต้องรักลูก ต้องเห็นแก่อนาคตลูก ให้แบ่งกันคนละบัญชี ลูกจะได้มีเงินไปเรียนหนังสือ ใช้เวลากว่า 30 นาที นางกาญจนาจึงยินยอม และลงบันทึกข้อตกลงไว้ต่อหน้าตำรวจ และคืนสมุดธนาคาร 1 เล่มให้น้องท็อปลูกชาย
นายแก้วและนางสมนึก ซึ่งเป็นตายายของน้องท็อป เล่าว่า นางเปิ้ลหรือกาญจนา แม่น้องท็อปเป็นลูกสาว แต่ป่วยมีอาการทางจิตเวชมาร่วมๆ 2 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ แต่ไม่ยอมกินยา จึงใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยมีสติควบคุมความคิดตัวเอง และได้แยกตัวไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก ตนได้ข่าวมาว่าไปติดผู้ชาย และไปหลอกเอาบัตรประชาชนจากลูกชายมา เพื่อที่จะมาถอนเงิน คาดว่าน่าจะเอาไปเลี้ยงผู้ชาย ตนรู้เรื่องจึงรีบมาขัดขวาง ซึ่งโชคดีที่มาทันเวลา
Advertisement