วันที่ 21 ก.พ. 68 พ.ต.ท.สุวิทย์ บุญยะเพ็ญ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 68 เวลา 16.00 น. พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ โชติกลาง รองผบก.ทท.2 ได้เดินทางมาปฎิบัติราชการ เพื่อประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อ.ปาย ณ ห้องประชุมส.ทท.4กก.บก.ทท.2
โดยมี พ.ต.ท.พิษณุ เตรียมดี รองผกก.2บก.ทท.2 พ.ต.ท.สุวิทย์ บุญยะเพ็ญ สว.ส.ทท.4กก.2 บก.ทท.2 พ.ต.ท.ชินน์ สนธิรอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ปาย นายภูริภัทร พิพัฒน์พงศธร ปลัดอำเภอปาย นายภานุเดช ชัยสกุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายคณัสภูชิต แสนคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปาย นายอุดม อุทธชัย รองนายก อบต.เวียงใต้ นายธนพัฒน์ ใสส่อง รองนายกอบต.เวียงเหนือ นายอาวุธ เจษฎาไกรศร ตัวแทนผู้ประกอบการพื้นที่อำเภอปาย นายเจริญ แดงเกตุ ตัวแทนผู้ประกอบการพื้นที่ อ.ปายเข้าร่วมประชุม
จากการประชุมร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง และจริงจังมุ่งเน้นการตรวจสอบสถานที่พัก สถานบริการ ร้านค้า และจุดท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ รวมถึงการตรวจสอบการพำนักเกินกำหนด (Overstay) การทำงานผิดกฎหมายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรม รวมทั้งยังมีการประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้ประกอบการให้เข้าใจในกฎหมายไทย เพื่อลดปัญหาการกระทำผิด เพื่อส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย และยังเป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนที่เข้ามาในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มอบ 4 แนวทางในการแก้ไขปัญหาบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง โดยผิดกฎหมายคนต่างด้าวถูกหลอกลวงหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมายรวมทั้งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยมีแนวทางดังนี้ 1.ตรวจสอบ ให้หน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในทุกมิติรวมทั้งตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการอย่างเข้มงวดโดยไม่กระทบกับการท่องเที่ยว 2.ปฏิบัติการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติลงพื้นที่ตรวจสอบชาวต่างชาติที่พำนักในพื้นที่เช่นที่พักแผนการท่องเที่ยวการรวมกลุ่มประกอบกิจกรรมหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น 3.บังคับใช้กฎหมายหากพบมีการทำความผิดของชาวต่างชาติต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดทันที และ 4.ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อตอบคำถามลดความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมและประชาชนและให้ข้อเท็จจริงปรากฏต่อสื่อต่างๆ
ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น. คณะได้เดินทางไปตรวจสอบการก่อสร้างโบสถ์ชาบัด อ.ปาย พร้อมได้พูดคุยกับผู้ดูแล และตัวแทนนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ดูแลโบสถ์และนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล จากนั้นคณะได้ลงตรวจพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง (STC )อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และประชาสัมพันธ์แอปพลิเคชัน TouritsPolice และสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว1155 ให้นักท่องเที่ยว บริเวณถนนคนเดินปาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่
อย่างไรก็ตามเรื่องโบสถ์ยิวปัจจุบันยังเป็นเรื่องที่ชาว อ.ปายกังขาต่อการก่อสร้างโบสถ์ดังกล่าว สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ระบุว่าโบสถ์ดังกล่าวได้มีการขออนุญาตถูกต้องจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ขณะที่เทศบาลปายระบุผู้ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวได้ขออนุญาตก่อสร้างเป็นที่พักอาศัย โดยไม่ได้ระบุว่าจะก่อสร้างเป็นโบสถ์แต่อย่างใด
ด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรอง ผอ.หน่วยข่าวกรอง สำนักนายกรัฐมนตรี (สขช.) ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า NantiwatSamart ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือปายไม่จบ รัฐบาลจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องไม่หลงทางเปิดประตูให้กับอันตรายนักท่องเที่ยวมาแล้วต้องกลับ ไม่ใช่แอบสิงอยู่ เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบการอยู่เกินกำหนด ที่ต้องจับตามองคือการมีโบสถ์ยิว ทำได้หรือ มีกฎหมายใดให้อำนาจตั้งโบสถ์ยิว อย่าสับสนนะ พี่น้องมุสลิมจะตั้งมัสยิดได้ ต้องมีครอบครัวพี่น้องมุสลิมไทย 5 ครัวเรือน ถึงจะขอจัดตั้งหรือมีมัสยิดได้ คนยิวที่มาท่องเที่ยวไม่น่าจะขอตั้งโบสถ์ยิวได้ ศาสนายิวไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมศาสนาจะขอจัดตั้งโบสถ์ยิวได้หรือ ไม่มีกฎระเบียบข้อไหนอนุญาตให้ทำได้ ที่ท้วงติงเรื่องนี้ เพราะปายเป็นเมืองท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมาปายจำนวนมาก แต่ชาวยิวมีศัตรูมาก และตกเป็นเป้าหมายโบสถ์ยิวเป็นเป้าหมายที่ผู้ก่อการร้ายจ้องอย่าประมาทนะครับ”
Advertisement