เมื่อเวลา 13.00น. วันที่ 23 ก.พ.68 พ่อแม่และเพื่อนของน้องมายด์ เดินทางมาจาก จ.ลำปาง เพื่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ กรณีน้องมายด์ ลูกสาว อายุ29ปี หลังจากได้ไปหาแฟนที่ประเทศโอมาน เมืองซาลาลาห์ แต่ตอนนี้ขาดการติดต่อกับคนทางบ้าน นานกว่า 3 เดือนแล้ว โดยก่อนที่มายด์จะหายตัวไป ได้ส่งข้อมูลมาให้เพื่อนว่าโดนแฟนบังคลาเทศ ทำงานที่โอมานบังคับให้เสพยาเสพติดถูกทำร้ายร่างกายสาหัส
ขณะที่สามีถูกตำรวจโอมานจับกุมคดียาเสพติดเพราะเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดไปเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมายังปิดปากเงียบ ซึ่งตอนนี้ทำใจพร้อมวอนมูลนิธิปวีณาฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาลูกสาวไม่ว่าจะเจอในสภาพใดขอช่วยส่งกลับมาบ้านเกิด
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ ที่ 24 ก.พ. เวลา16.00น. นางปวีณา หงสกุล จะพาพ่อแม่น้องมายด์ไปที่กองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ข้อมูลและขอให้ประสานตำรวจสากลโอมานช่วยติดตามตัวน้องมายด์โดยเร็ว โดยปวีณาได้ประสานนายอำนาจพละพลีวัลย์ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศกรมการกงสุลและนายมณฑลจันทร์ศิริตำแหน่งนักการทูตชำนาญการ(ที่ปรึกษา)กรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศแล้วทราบว่ากำลังติดตามตัวน้องมายด์อยู่
โดยจะมอบหมายให้นายเอกภาพหงสกุลผอ.มูลนิธิปวีณาฯพาพ่อแม่น้องมายด์ไปให้ข้อมูลที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศกรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศและเชื่อว่าจะได้รับทราบข่าวความคืบหน้าในเร็ววันนี้ โดยมูลนิธิปวีณาฯจะร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและตำรวจกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ นางปวีณากล่าวว่าหลังรับเรื่อง เมื่อวันศุกร์ที่21ก.พ.ได้ประสาน นายอำนาจพละพลีวัลย์ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศและนายมณฑลจันทร์ศิริตำแหน่งนักการทูตชำนาญการ(ที่ปรึกษา)กรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศแล้วทราบว่ากรมการกงสุลได้รับทราบและเร่งติดตามเรื่องกับสถานทูตไทยในโอมานแล้ว
ด้านเพื่อนน้องมายด์ กล่าวว่า มายด์ไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศโอมานตั้งแต่ปี2563ต่อมาได้รู้จักกับหนุ่มบังคลาเทศและอยู่กินกันแบบสามีภรรยาตลอดเวลาที่ผ่านมามายด์ไม่ได้เจอมายด์เลยเขาเคยกลับมาไทยช่วงเดือนก.พ.67 แต่ไม่ได้กลับไปเจอพ่อแม่ที่ลำปางเลยและก็ไม่ได้มาเจอเพื่อนๆด้วยจะติดต่อกันทางแมสเซ็นเจอร์และเห็นเวลาที่เขาโพสต์เฟซบุ๊กเวลาที่เขาไปเที่ยวไหนทำอะไรเท่านั้น
ล่าสุดที่คุยกับมายด์ก็ประมาณเดือนพ.ค.67มายด์แชตมาคุยขอให้ไปบ้านและส่งเอกสารส่วนตัวมาให้เพื่อจะไปทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษซึ่งตนก็ได้ส่งไปให้และเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊กไปเที่ยวเช็กอินที่ประเทศไต้หวันและโพสต์อีกว่ากำลังจะไปเที่ยวประเทศอังกฤษหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบข่าวมายด์เลยจึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือด้วย
ด้าน พ่อน้องมายด์ กล่าวว่า น้องมายด์เป็นลูกสาวคนเดียวและเป็นเสาหลักของครอบครัวแม่น้องมายด์ก็พิการตาบอด ส่วนลูกชายน้องมายด์ก็เป็นเด็กพิเศษอายุ10ขวบ น้องมายด์ไปโอมานตั้งแต่ปี2563 ไปทำงานร้านอาหารจะส่งเงินมาให้พ่อแม่และลูกชายทุก2เดือนครั้งละ10,000บาท พ่อก็ทำงานรับจ้างทั่วไปวันละ300บาท ได้เบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการของแม่พอได้กินใช้ไปวันๆตลอด5ปีลูกสาวไม่ได้กลับมาบ้านเลยจะมีก็แต่วิดีโอคอลคุยกันเป็นบางครั้งคุยกันครั้งสุดท้ายเดือนพ.ค.67 จากนั้นโทรไปลูกก็ไม่รับสายเลยมีการอ่านไลน์แต่ไม่ติดต่อกลับพ่อแม่ก็ยังโทรหาลูกทุกวันแต่ลูกไม่รับสาย จนวันที่24ก.ค.67ลูกอ่านข้อความเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้พ่อโทรไปก็ไม่รับสายและไม่อ่านไลน์เลย
จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯปี2567ปัญหาล่อลวง/ค้าประเวณี/ค้ามนุษย์สูงถึง257รายแยกเป็นแจ้งเบาะแสค้าประเวณีในประเทศจำนวน53รายและขอความช่วยเหลือค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ต่างประเทศ204รายกรณีถูกหลอกค้ามนุษย์ต่างประเทศมูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือกลับมาแล้ว152รายซึ่งการช่วยเหลืออาจจะช่วยไม่ได้ทุกคนเพราะฉะนั้นควรจะตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ดีก่อนตัดสินใจเดินทางเพราะอาจตกเป็นเหยื่อได้
Advertisement