ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม กรณีกลุ่มเกษตรกรยื่นฟ้องบริษัทยักษ์ใหญ่ หลังได้รับความเดือดร้อน จากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
จากกรณีชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามรวมกลุ่มกันฟ้องร้องบริษัทยักษ์ใหญ่ หลังได้รับความเดือดร้อน จากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ โดยมีการเรียกค่าเสียหายราว 2,400 ล้านบาท ทั้งค่าฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ค่าเสียโอกาส ฯลฯ ซึ่งสภาทนายความได้เป็นตัวแทนยื่นฟ้องให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีประเด็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เหมือนกันหรือคล้ายกันในกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมาก อีกทั้งการดำเนินคดีแบบกลุ่มจะช่วยลดภาระให้กับศาลและผู้ฟ้องคดีที่อาจไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการดำเนินคดีเป็นรายบุคคล ศาลจึงอนุญาตให้การฟ้องร้องดำเนินไปในลักษณะของคดีแบบกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้เป็นเพียงการรับรองให้คดีสามารถดำเนินไปในรูปแบบของคดีแบบกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าบริษัทผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามข้อกล่าวหา แต่เป็นเพียงการเปิดทางให้มีการพิจารณาคดีในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การตัดสินความผิดหรือความรับผิดของบริษัทจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาพยานหลักฐานในชั้นศาลต่อไป
ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เผยว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น. อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีแบบกลุ่ม คำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มอาจอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง และให้ศาลแพ่งกรุงเทพใต้งดการพิจารณาไว้จนกว่าคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มจะถึงที่สุด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้ถือเป็นที่สุดตามมาตรา 222/12 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ส่วนการดำเนินคดีฟ้องศาลปกครอง ได้มีการยื่นฟ้องหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 18 ราย ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีปกครอง หมายเลขดำที่ ส.14/2567 เรื่องการเพิกถอนคำสั่งฯ, คำสั่งที่มิชอบ ฯลฯ
ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับคำฟ้องคดี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
Advertisement