กรณีทุจริตยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการใช้ทรัพยากรของรัฐโดยมิชอบ โดยเฉพาะในภาคสาธารณสุข ซึ่งควรเป็นพื้นที่ที่เน้นการดูแลประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันควรมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ แต่กลับกลายเป็นแหล่งที่เกิดการทุจริต ทำให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการรักษาและงบประมาณของประเทศ รวมไปถึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
แฉขบวนการทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก
10 กุมภาพันธ์ 2568
สำหรับจุดเริ่มต้นของคดีการทุจริตนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อนายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กทม.พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ ทวีตภาพและข้อความไว้บนแอปพลิเคชันเอ็กซ์ แฉเรื่องราวของแพทย์อาวุโส สังกัดโรงพยาบาลทหารผ่านศึก มีพฤติกรรมทุจริตนำยาที่สั่งจ่ายให้ผู้ป่วยไปขาย นอกจากนี้ยังมีการแท็กไปถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยระบุข้อความว่า “อัปยศหมอทหาร ไร้ซึ่งจรรยาบรรณของแพทย์ได้รับเรื่องร้องเรียนของแพทย์ทหารอาวุโส สังกัดโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่หากินกับการทุจริตนำยาออกมาขาย โดยกระทำเป็นขบวนการ ซ้ำร้ายคอยสั่งให้ผู้ป่วยกินของหวาน กินของมัน ให้นอนน้อย แสร้งเจ็บป่วย เพื่อสั่งเบิกยา และนำออกไปจำหน่าย ผมขอร้องเรียนเรื่องนี้ถึงท่าน @phumtham ให้เร่งดำเนินการสอบสวน และยุติวงจรอุบาทว์นี้เสีย รวมถึงตรวจสอบแพทย์ในสังกัด”
รมว.กห. ตั้งกรรมการการสอบปม รพ.ทหารผ่านศึก
12 กุมภาพันธ์ 2568
โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า “ตนสั่งการผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบ และนำข้อมูลส่วนนี้มาพิจารณา ขณะเดียวกันยังได้สั่งการไปที่ ป.ป.ท. ให้ลงไปดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ได้ข้อมูลเบาะแสมาพอสมควร และขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเกี่ยวโยงกับเครือข่ายใดและเกี่ยวข้องใครบ้าง”
โรงพยาบาลทหารผ่านศึก สั่งเด้งแพทย์หญิง บ.
14 กุมภาพันธ์ 2568
จากนั้นทางโรงพยาบาลทหารผ่านศึกได้ออกหนังสือชี้แจง ว่า “ได้ตรวจสอบแล้ว แพทย์ที่กล่าวถึงไม่ใช่แพทย์หรือบุคลากรของโรงพยาบาลแต่อย่างใด แต่คนไข้มีประวัติการรักษาจริง”
ขณะที่แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ได้ลงนามคำสั่งโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เรื่อง ให้พนักงานปฏิบัติงาน โดยระบุว่า เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้ทราบข้อเท็จจริงที่ชัดเจน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในทุกๆ ประเด็น จึงให้ นางสาว บ. ผู้ชำนาญการ รพ.ผศ. (อัตราเงินเดือนระดับ 10) งดการตรวจรักษา และให้ปฏิบัติหน้าที่ สน.ผอ.รพ.ผศ. จนกว่าการสอบสวนจะดำเนินการแล้วเสร็จ
ทหารยศสูงร่วมทุจริตยา ขบวนการแอบโกงนานกว่า 10 ปี
3 มีนาคม 2568
ความคืบหน้าเรื่องนี้ พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก นำหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิดต่อผู้ร่วมขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกทั้งหมด ซึ่งคาดว่ามีผู้ที่จะรับโทษในระดับข้าราชการระดับสูงทั้งที่เกษียณไปแล้ว และดำรงตำแหน่งอยู่มีประมาณ 20 คน ส่วนมูลค่าความเสียหายมีจำนวนมากมหาศาล
พล.อ.เดชนิธิศ เปิดเผยว่า หลังทราบว่ามีการทุจริตยาเกิดขึ้น ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบดำเนินการใน 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ทาง ป.ป.ท.เข้ามาร่วมตรวจสอบพยานหลักฐาน ส่วนที่สองคือตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในองค์การทหารผ่านศึก ส่วนพยานหลักฐานที่พบไปในทิศทางเดียวกันว่ามีการกระทำความผิดจริง
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบระยะเวลาการทุจริตน่าจะยาวนานเกือบ 10 ปี มีผู้ร่วมขบวนการตั้งแต่ผู้ป่วยถึงข้าราชการทหารระดับสูง มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณหลักร้อยความเสียหายน่าจะมีเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้ามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ไปแล้วหนึ่งครั้ง พบมีมูลความผิดให้บุคคลบางส่วนย้ายตำแหน่งหน้าที่ออกไปจากส่วนที่เกี่ยวข้อง
จากข้อมูลพบด้วยว่า มีบางส่วนที่เชื่อมโยงกันกับการทุจริตอยู่ในขณะนี้ด้วย ทั้งนี้หลังจากที่รับตำแหน่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 66 ช่วงสองถึงสามเดือนแรกพบความผิดปกติแล้ว มีรถตู้นำผู้ป่วยมาจาก จ.ลพบุรี เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลขอรับยากลับไปครั้งละ 10-20 คน และยังเป็นผู้ป่วยชื่อเดิมๆ หลายครั้งเป็นแบบนี้ตลอดแทบทุกเดือน
ด้านนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบแผนประทุษกรรมชัดเจนแล้ว ในส่วนข้าราชการไม่ว่าจะเกษียณหรือยังอยู่ในตำแหน่งหากพบเส้นเงินที่ไปเกี่ยวข้องจะถูกเรียกตัวมาสอบ ส่วนข้อกังวลว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทหารจะทำให้ตรวจสอบยากขึ้นหรือไม่นั้น ยืนยันว่าทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน รับผิดเหมือนกันไม่มียกเว้นอะไรทั้งสิ้น
ขณะที่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า ตอนนี้ได้ประสานงานกับทุกหน่วยแล้วได้ดำเนินการกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะนี้มีข้อมูลการกระทำความผิดและแผนประทุษกรรมต่างๆ แล้ว หลังจากทำงานมาได้ระยะหนึ่งได้ข้อเท็จจริงมีการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการกับผู้ต้องหากลุ่มแรกก่อน จากนั้นจะขยายผลต่อเนื่อง โดยไปสอบพยานต่างๆ ไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ในส่วนความผิดในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าข่าย ม.157 แต่หากเป็นคนปกติทั่วไปต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป
พบมีร่วมขบวนการ 600 คน เอาผิดย้อนหลังทุกคน
4 มีนาคม 2568
ต่อมาพล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามล้ำ ผอ.อผศ. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีทุจริต รพ.ทหารผ่านศึก ว่า “พบว่าในพื้นที่จังหวัดลพบุรี มีขบวนการ แบ่งเป็น 6 ทีม ทีมละ 60-70 คน รวมกว่า 600 คน ซึ่งหากสืบทราบมาว่าเกี่ยวข้องกับผู้ใดจะย้อนหลังกลับไปดำเนินการหมดทุกคน อะไรที่ทำได้และเจ้าหน้าที่ตร.ปปป.และปปท. ทำได้ทำหมดดำเนินการทุกคดี หากพบว่าผู้เกี่ยวข้องเกษียณราชการไปแล้วก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายไม่ว่าจะเรียกเงินคืนหรือการดำเนินคดีอาญา ทั้งนี้ขอเวลาอีก 1 สัปดาห์และทุกอย่างก็น่าจะชัดเจนขึ้น”
การทุจริตยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไม่เพียงแต่เป็นการทำลายงบประมาณของชาติ แต่ยังเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ป่วยที่ควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม กรณีนี้ควรเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันให้ภาครัฐเร่งปฏิรูปและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อให้ระบบสาธารณสุขของไทยเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมที่สุด
Advertisement