พลายศักดิ์สุรินทร์ อดีตช้างทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกา เข้าหลักตกมันปีที่สองหลังกลับมาอยู่ไทย ความเสี่ยงและการรับมือของควาญ
กลับมาอยู่ประเทศบ้านเกิดโดยการดูแลของโรงพยาบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง ได้ 2 ปีแล้ว สำหรับ พลายศักดิ์สุรินทร์ หรือพี่ธุ ชื่อเรียกที่แม่ๆ กลุ่มคนรักช้างเรียกด้วยความเอ็นดู หลังถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เพื่อใช้ในงานแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว ก่อนพบว่าถูกใช้งานหนักจนร่างกายทรุดโทรม ไม่ได้รับการดูแลที่ดี อีกทั้งขาได้รับบาดเจ็บจนเดินผิดปกติ จึงมีการประสานงานและผลักดันขอนำตัวกลับมารักษาที่ประเทศไทยเมื่อกลางปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา
จนทำให้พลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมามีสภาพร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี น้ำหนักล่าสุดชั่งได้ 4,200 กิโลกรัม ส่วนขาซ้ายหลังที่มีปัญหาเริ่มดีขึ้นหลังรักษาและทำกายภาพเป็นประจำ ล่าสุดได้เริ่มเข้าสู่ช่วงตกมันตามธรรมชาติของช้างเพศผู้ เป็นปีที่สองหลังได้กลับมาอยู่ประเทศไทย
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง ได้ไลฟ์สดพูดคุยกับ สพ.ญ. วรางคณา ลังการ์พินธุ์ หรือ หมอโบนัส แห่งโรงพยาบาลช้างลำปาง ถึงการเตรียมตัวรับมือการตกมันของพลายศักดิ์สุรินทร์ พร้อมอธิบายถึงความเสี่ยงและการรับมือของควาญที่ต้องดูแลตลอดระยะเวลา 3 เดือน
โดยรวมสภาพร่างกายของพลายศักดิ์สุรินทร์ช่วงเดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์) การทำกายของภาพพลายศักดิ์สุรินทร์ไม่จำเป็นต้องนวดหรือใช้เครื่องอะไรแล้ว เหลือแค่การเดินออกกำลังกายอย่างเดียวมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ถือว่าสภาพร่างกายดี แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นเยอะมาก น้ำหนักชั่งล่าสุดอยู่ที่ 4,200 กิโลกรัม กินได้ นอนได้เป็นปกติ พฤติกรรมเป็นช้างเรียบร้อย มีเถียงพ่อควาญเป็นบางครั้ง เวลาที่โดนพ่อแกล้ง ส่วนแผลฝีข้างซ้ายแผลปิดไปนานแล้ว ส่วนข้างขวาเริ่มปิดแคบลงแล้ว ได้คุยกับควาญปลิวคาดว่าตกมันรอบนี้แผลอาจจะปิดได้แล้ว ด้วยความที่เป็นแปลเรื้อรังเลยจะหายช้ากว่าแปลที่เป็นใหม่ๆ
การดูแลในช่วงขึ้นหลักตกมัน
หมอโบนัสเล่าว่าทางควาญที่ดูแลจะเริ่มอัดอาหารให้กับพลายศักดิ์สุรินทร์อย่างเต็มที่ มีการข้าวเปลือก และจัดหาต้นขนุนมาเรียบร้อยแล้ว ของหวานประเภทผลไม้ไม่ว่าจะเป็น กล้วย อ้อย ก็มีการจัดให้กินในช่วงที่อยู่หลักตกมันอย่างเต็มที่ ส่วนการยืนอยู่ในหลักในช่วงสภาพอากาศร้อนจัดเช่นนี้ ทางควาญก็จะดูแลเพิ่มในเรื่องของการกินและเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลายความร้อน ที่นอนมีการเปลี่ยนเนินทรายใหม่สำหรับการนอน และมีควาญสลับเวรกันเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนเดิม
ส่วนใครที่กังวลเรื่องการทำกายภาพขาของพลายศักดิ์สุรินทร์ในช่วงที่อยู่หลักตกมัน คุณหมอโบนัสกล่าวว่ายังมีการให้ช้างออกกำลังกายเช่นเดิม โดยการให้ฝึกยกขา ขยับขาอยู่กับที่ ซึ่งสามารถทำได้เท่านี้ด้วยพื้นที่บนหลักตกมันที่จำกัด
ทั้งนี้ระหว่างที่อยู่ในหลักตกมัน จะไม่มีการปลดโซ่ออกจากขาเพื่อนำช้างไปทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยของควาญที่ดูแล เนื่องจากในช่วงตกมันของช้างเพศผู้ จะมีความดุร้ายมากกว่าปกติ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามมาตรฐานการเข้าหลักตกมันของช้างเพศผู้ของทางศูนย์คชบาลฯ
อาการตกมันของพลายศักดิ์สุรินทร์
คุณหมอโบนัสเล่าว่า ปกติช้างตกมัน ก่อนที่จะเข้าหลักตกมันจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ ขมับบวม พอถึงจุดหนึ่งจะมีน้ำมันไหลออกจากขมับ อันนี้คืออาการเริ่มต้นช่วงตกมัน อาการมากไปกว่านั้นก็คือจะมีน้ำมันไหลลงบ้อง หรือน้ำมันไหลออกจากอวัยวะเพศของช้าง
มีนาคมปีที่แล้ว อาการตกมันของพลายศักดิ์สุรินทร์คือมีน้ำมันไหลออกจากขมับ แต่ไม่มีน้ำมันไหลลงบ้อง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมาปีแรกแล้วเจอความไม่คุ้นเคยต่างๆ เช่น อาหารการกิน สภาพอากาศ แต่โดยรวมการตกมันปีที่แล้วของพลายศักดิ์สุรินทร์ เมื่อเทียบกับช้างหลายๆ เชือก ไม่ได้มีความหงุดหงิดมาก อาจจะมีบ้างแต่กับพี่ควาญไม่มีการกระโดดใส่หรือจะทำร้ายควาญ แต่กับคนอื่นอย่างหมอ อาจมีอาการขี้ระแวงให้เห็นบ้าง ทางทีมหมอถ้าไม่มีเหตุจำเป็นก็จะไม่ขึ้นไป เพราะหมอไม่ได้คุ้นเคยกับช้างเหมือนกับควาญ ฉะนั้นถ้าขึ้นไปช้างบางตัวเมื่อเจอคนหรือกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยก็จะเกิดความเครียดหรือไม่ชอบ ดังนั้นจึงต้องมีการจำกัดคนขึ้นไป แต่กรณีถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องขึ้นไปก็ไปได้ แต่หลักๆ คนที่อยู่ใกล้ชิดช้างมากที่สุดก็คือพี่ควาญมากกว่า
ปีนี้หวังว่าพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ร่างกายสมบูรณ์เต็มร้อยก็ควรจะต้องลงบ้องด้วย ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าถ้าลงบ้อง นิสัยจะเปลี่ยนไปอีกไหม เพราะส่วนมากถ้าช้างตกมันแล้วลงบ้องด้วยจะถือว่าเป็นช่วงตกมันเต็มที่ การจะดูว่าช้างดุหรือขี้หงุดหงิดจะดูได้จากช่วงนี้ ดังนั้น "โซ่และอุปกรณ์" ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับช้าง รวมถึงจะมีการใส่ปลอกป้องกันงาให้กับพลายศักดิ์สุรินทร์ด้วย
ก่อนที่ "ควาญปลิว" จะเล่าให้ฟังว่าการตกมันปีที่แล้วของพลายศักดิ์สุรินทร์ยังไม่น่ากลัวมาก ด้วยความที่เป็นการตกมันที่ยังไม่เต็มที่ แต่ถ้าลงบ้องก็ไม่แน่ใจ อาจจะมีนิสัยที่เปลี่ยนไปก็ได้ต้องรอดู
ตกมันไม่ลงบ้อง ถือว่าผิดปกติ?
คุณหมอโบนัสกล่าวว่า ถ้าพูดตามประสาคนเลี้ยงช้างถือว่าเป็นการตกมันไม่สุด ถ้าตกมันแล้วไม่ลงบ้องหลายๆ ปีติดกันก็อาจจะไม่ดีสำหรับช้างเท่าไร
หลังตกมันครบ 3 เดือน
หมอโบนัสเล่าต่อว่าการตกมันของช้างเมื่อครบ 3 เดือน น้ำมันที่ไหลออกมาเริ่มแห้งแล้ว ช้างไม่ค่อยหงุดหงิด ควาญสามารถเข้าใกล้ได้แล้ว ควาญจะดูก่อนว่าช้างยอมควาญหรือไม่ จะปลอดภัยไหมถ้าจะเข้าไปหาไปจับตัว โดยวิธีดูว่าช้างเข้าถึงตัวได้หรือยัง จะเป็นการทดสอบผ่านคำสั่งง่ายๆ เช่น สั่งหมอบ ถ้าช้างยอมก็จะทำความคุ้นเคยกันด้วยการสัมผัสตัว การอาบน้ำให้ขณะอยู่ที่หลักมักช้างก่อน เมื่อรู้สึกปลอดภัยแล้วถึงจะนำช้างออกจากหลักมาใช้ชีวิตในป่าหรือมัดเฉยๆ อีกประมาณ 1 อาทิตย์ ถึงค่อยเอาช้างมาอยู่ในจุดที่เขาเคยอยู่เพื่อให้ได้เจอกับช้างเชือกอื่น จะไม่เอาช้างออกมาเลย เพราะบางทีเมื่อช้างได้มาเจอเพื่อน จะเกิดอาการตื่นเต้นและน้ำมันไหลอีกรอบได้
คาดว่าระยะเวลาการตกมันของพลายศักดิ์สุรินทร์จะมีระยะเวลา 3 เดือนโดยประมาณ และคาดว่าจะหายและออกมาอยู่ที่หลักโชว์ตัวได้อีกครั้งในเดือนมิถุนายน หมอโบนัสกล่าว
ส่วนเรื่องตัดงาเนื่องจากปัญหาสุขภาพ หมอโบนัสกล่าวว่าเรามีคณะทำงานด้านสุขภาพของพี่ธุก็ได้ประชุมกันเพื่ออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการพิจารณาการตัดงา คือเป็นข้อมูลการเดินขึ้นเนิน ว่าช้างงายาวอย่างพี่ธุมีการยกหัวขึ้นเยอะไหมเมื่อเทียบกับช้างตัวอื่น ในระยะยาวจะส่งผลอะไรบ้าง เพื่อจะได้เป็นข้อมูลให้กับคนพิจารณาตัดงา ซึ่งไม่ใช่เรา เราแค่มีหน้าที่ในการตรวจและรวบรวมข้อมูลให้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจพิจารณาว่าจะตัดไหม ตัดต้องตัดเท่าไร จะมีผลดีผลเสียอย่างไร
สำหรับการตกมันของช้างเป็นเรื่องธรรมชาติ มักเกิดขึ้นในช้างเพศผู้ที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์มากๆ ระยะเวลาการตกมันอยู่ที่ 1-3 เดือน หรือบางเชือกอาจยาวนานกว่านั้น และจะตกมันปีละ 1 ครั้ง ช่วงที่พบว่าช้างตกมันมากที่สุดคือช่วงฤดูหนาว ไล่มาจนถึงมีนาคม
อาการเบื้องต้นที่ช้างส่งสัญญาณว่าจะเข้าสู่ช่วงตกมัน ส่วนมากพบว่าช้างจะมีอาการหงุดหงิด เริ่มไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งของควาญช้างเหมือนเคย ขมับเริ่มบวม เริ่มมีน้ำมันไหลออกมาจากขมับ บางเชือกกินอาหารได้น้อยลง อวัยวะเพศแข็งแรงและพบเห็นการใช้อวัยวะเพศตีเข้าที่ท้อง บางเชือกพบมีอาการตกมันรุนแรงจนเริ่มจำควาญไม่ได้และทำร้ายควาญ ควาญจึงจำเป็นต้องดูแลอย่างห่างๆ และเตรียมความพร้อมในการดูแลและรับมืออย่างระมัดระวัง
Advertisement