แม้ว่าอุบัติเหตุทางอากาศยานจะได้รับความสนใจอย่างมากเมื่อเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงนั้นต่ำมาก แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ หนึ่งในนั้นคือเหตุเพลิงไหม้จาก แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เราพกติดตัวกันอยู่เสมอ นี่คือเหตุผลที่สายการบินมีกฎเข้มงวดเกี่ยวกับการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่อง
เหตุการณ์กรณีพาวเวอร์แบงค์ระเบิด ทำให้เกิดไฟลุกบนเครื่องบินเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลและตระหนักถึงความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศเป็นอย่างมาก โดยสาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่สำรองเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้บนเครื่องเกิดขึ้นได้หลากหลายประการ
ล่าสุดการบินไทยได้มีการออกมาตรการเรื่องนี้ใหม่ ดังนี้ “เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร ขอแจ้งให้ทราบว่าผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือชาร์จพาวเวอร์แบงค์ (แบตเตอรี่สำรอง) ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ทั้งนี้กฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป”
ทำไมแบตเตอรี่สำรองถึงเป็นภัยบนเครื่องบิน
แบตเตอรี่สำรองเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดความร้อนสูงเกินไป และอาจลุกไหม้หรือระเบิดได้ หากเกิดความเสียหาย ชำรุด หรือมีคุณภาพต่ำ ทำให้เป็นอันตรายบนเครื่องบินได้ด้วยเหตุผล ดังนี้
ความร้อนสูงเกินไป - หากแบตเตอรี่สำรองอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ร้อนจัด หรือถูกใช้งานหนักเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรและติดไฟ
การลัดวงจร - หากมีการรั่วไหลของไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่สำรอง อาจส่งผลให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนสะสมจนระเบิดได้
การชาร์จเกินพิกัด - การชาร์จที่มากเกินไปโดยใช้ที่ชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้
ความเสียหายทางกายภาพ - การทำแบตเตอรี่สำรองตกหล่นหรือกระแทกรุนแรง อาจทำให้โครงสร้างภายในเสียหาย นำไปสู่การระเบิดได้
คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน - แบตเตอรี่สำรองที่ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย อาจมีระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรที่ไม่ดีพอ ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น
รู้จักข้อกำหนด Power Bank บนเครื่องบิน
เนื่องจาก Power Bank มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสายการบินต่าง ๆ จึงได้กำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับการนำ Power Bank ขึ้นเครื่องบิน ดังนี้
แบตเตอรี่สำรองไม่สามารถนำไปในรูปแบบสัมภาระลงทะเบียน (Checked Baggage) เพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ เนื่องจากในระหว่างการเดินทางแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งมีส่วนประกอบจากลิเทียม อาจเกิดความร้อนสะสมจนก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือระเบิดได้
ผู้โดยสารจะต้องนำแบตเตอรี่สำรองไปในรูปแบบสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry On Baggage) โดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้กำหนดขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คือ
- กรณีแบตเตอรี่สำรองมีขนาดความจุ ไม่เกิน 100 Wh หรือ 20,000 mAh ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คนละไม่เกิน 20 ชิ้น
- กรณีขนาดความจุเกิน 100 Wh หรือ 20,000 mAh แต่ไม่เกิน 160 Wh หรือ 32,000 ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คนละไม่เกิน 2 ชิ้น
- แต่ถ้าขนาดความจุเกิน 160 Wh หรือ 32,000 mAh จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ในทุกกรณี
ทั้งนี้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และสายการบินของไทย ยังใช้หลักเกณฑ์ตามมาตรฐานและคำแนะนำของ ICAO พร้อมขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรอง และสภาพของแบตเตอรี่สำรองให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนการเดินทาง
การเลือกใช้แบตเตอรี่สำรองที่ได้มาตรฐานที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎระเบียบของสายการบิน จะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนเครื่องบินได้ นอกจากนี้ผู้โดยสารควรตรวจสอบเงื่อนไขของสายการบิน เกี่ยวกับการนำแบตเตอรี่สำรองขึ้นเครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้หรือชาร์จแบตเตอรี่สำรองบนเครื่องบิน เพราะความปลอดภัยบนเครื่องบินไม่ใช่เพียงหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สายการบินเท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของผู้โดยสารทุกคน
Advertisement