นับเป็นข่าวใหญ่ข่าวดีที่รอคอยมาร่วม 27 ปี สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 หลังจากบอร์ดประกันสังคม เคาะสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพใหม่ อมรินทร์ทีวี ออนไลน์ จะพาไปเทียบให้เห็นกันแบบชัด ๆ ว่าปรับสูตรใหม่ ได้เพิ่มเท่าไหร่ แล้วคำนวณอย่างไร ?
สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำหลุดมาตรา 33 แล้วตัดสินใจมาสมัครต่อโดยส่งเงินสมทบเดือนละ 432 บาท เพื่อรักษาสิทธิเงินชดเชย ค่ารักษาพยายาบาล และสิทธิอื่น ๆ รวม 6 กรณีของประกันสังคม
รายการ Amarin Update Weekly คลิปที่ผ่านมา เราได้นำเสนอ "สูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพ" ที่ใช้อยู่ปัจจุบันทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 ให้เห็นกันไปแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าเงินบำนาญชราภาพที่ได้ของมาตรา 39 ถูกหั่นลงเป็นเท่าตัว ซึ่งหลายคนก็มองว่ามันไม่เป็นธรรม
ล่าสุด คณะกรรมการประกันสังคม หรือที่เรียกว่า "บอร์ดประกันสังคม" ประกอบด้วยตัวแทนนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ มีมติเอกฉันท์เห็นชอบในหลักการคิดคำนวณสูตรเงินบำนาญชราภาพใหม่ สำหรับมาตรา 39
เนื่องจากสูตรคำนวณที่ใช้อยู่ปัจจุบัน หากผู้ประกันตนมาตรา 39 ส่งเงินสมทบ 60 เดือนขึ้นไป ฐานเงินเดือนที่ประกันสังคมจะเอามาคำนวณ ก็คือ "ฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย" สำหรับมาตรา 39 คิดง่าย ๆ จะถูกกำหนดเพดานอยู่ที่ 4,800 บาท โดยใช้สูตรคำนวณ เอา 20% คูณ 4,800 บาท จะได้บำนาญชราภาพเดือนละ 960 บาท และหากผู้ประกันตนส่งเงินสมทบมาเกิน 180 เดือน ก็จะได้เงินบำนาญเพิ่มขึ้นอีกปีละ 1.5% ทำให้จะได้รับบำนาญตกเดือนละ 1,000 กว่าบาท หรือมากสุดก็แค่ 2,000 บาทนิด ๆ
แต่สำหรับสูตรคำนวณใหม่นี้ ประกันสังคมจะใช้ "ฐานเงินเดือนเฉลี่ยที่ส่งจริงทั้งมด" หมายความว่า ผู้ประกันตนส่งสมทบไปเท่าไหร่ ก็จะดึงเอากลับมาคิดเฉลี่ย นับย้อนไปจนถึงสมัยเมื่อครั้งที่ส่งสมทบมาตรา 33 จากนั้นเอาคูณด้วย 20% ทั้งนี้ หากส่งสมทบเกิน 180 เดือน ก็จะได้เงินบำนาญเพิ่มอีกปีละ 1.5%
แต่สำคัญเลยก็คือว่า คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า "ฐานเงินเดือนเฉลี่ยที่ส่งจริงทั้งหมด" เท่ากับกี่บาทกันแน่ ?
สมมุติว่านาย A ทำงานมา 25 ปี อยู่ในมาตรา 33 มา 20 ปี แล้วสมัครใจส่งต่อมาตรา 39 อีก 5 ปี ฐานเงินเดือนมาตรา 33 อยู่ที่ 15,000 บาท เอา 15,000 คูณ 240 เดือน (20 ปี) เท่ากับ 3,600,000 บาท
ส่วน 5 ปีหลัง เอาฐานเงินเดือนมาตรา 39 คือ 4,800 คูณ 5 ปี (60 เดือน) เท่ากับ 288,000 เอายอดเงิน 2 ก้อนมาบวกกัน จะเท่ากับ 3,888,000 หารด้วย 25 ปีที่ส่งสมทบ (หาร 300 เดือน) จะเท่ากับฐานเงินเดือนเฉลี่ยของคุณ คือ 12,960 บาท
หากคิดคำนวณตามสูตรใหม่ คือ เอาฐานเงินเดือนเฉลี่ยก้อนนี้ มาคำนวณบำนาญชราภาพ เอา 20% คูณ 12,960 เท่ากับ 2,592 บาท แต่นาย A ส่งสมทบเกิน 180 เดือนมา 10 ปี (15 ปี + 10 ปี) จะได้โบนัสเพิ่มปีละ 1.5% เท่ากับว่าเอา 10 ปี คูณ 1.5% เท่ากับ 15% แต่ 180 เดือนแรกได้ 20% บวกกับที่ส่งเพิ่ม 15% จะได้เท่ากับ 35% เอา 35% ไปคูณฐานเงินเดือน 12,960 ก็จะได้ 4,536 นี่คือเงินบำนาญที่นาย A จะได้รับ
และหากเมื่อเทียบกับสูตรปัจจุบันที่ใช้อยู่ นาย A ทำงานรวม 25 ปี ส่งสมทบตามมาตรา 33 มา 20 ปี แต่ลาออกกลางคันและสมัครส่งสมทบมาตรา 39 อีก 5 ปี ฐานเงินเดือนที่เอามาคำนวณจะถูกปรับอัตโนมัติที่ 4,800 บาท ตามสูตรแล้วเอา 20% คูณ 4,800 จะได้บำนาญ 960 แต่นาย A ส่งสมทบมารวม 25 ปี ก็คือส่งเกิน 180 เดือน มา 10 ปี (15 ปี + 10 ปี) ได้เพิ่มปีละ 1.5% เอา 10 ปี คูณ 1.5% เท่ากับ 15% ทั้งนี้ 180 เดือนแรกได้ 20% บอกกับที่ส่งเพิ่ม 15% เท่ากับ 35% เอาไปคูณฐานเงินเดือน 4,800 บาท นาย A จะได้บำนาญเดือนละ 1,680 บาท
สรุปแล้ว นาย A ทำงานมาอยู่ในระบบประกันสังคมทั้ง 2 มาตรา มา 25 ปี หากคิดตามสูตรเก่า (ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน) จะได้บำนาญชราภาพ 1,680 บาท แต่ถ้าคิดตามสูตรใหม่ที่กำลังจะใช้ จะได้เพิ่มเป็น 4,536 บาท
ขั้นตอนจากนี้ สำนักงานประกันสังคมจะส่งทำประชาพิจารณ์ให้แล้วเสร็จใน 90 วัน ซึ่งคนที่เกษียณไปแล้วก็จะปรับใช้สูตรใหม่นี้ด้วย และจะไม่มีการเก็บเงินสมทบย้อนหลังแต่อย่างใด
Advertisement