วันที่ 9 เม.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า “อาสาสมัครดับไฟป่าในตำบลซับพุทรา ประสบเหตุในระหว่างช่วยดับไฟป่า ปัจจุบันยังขาดการช่วยเหลือ ผมได้รับประสานเรื่องของนายเสนาะ เมืองแพน อายุ 49 ปี อาสาสมัครที่เข้าไปช่วยดับไฟป่าในพื้นที่สวนมะขาม ต.ซับพุทรา อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ช่วงต้นเดือน วันที่ 2 มี.ค. 68”
“เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วง 5 โมงเย็นของวันที่ 2 มี.ค. 68 นายเสนาะได้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยดับไฟ ตลอดทั้งวันตามคำขอของผู้นำชุมชน โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เขาได้สูดดมควันพิษ และได้รับความร้อนจัด จนหมดสติทับกองไฟในที่เกิดเหตุ ภายหลังถูกนำส่งโรงพยาบาล ตามรายงาน ผู้นำท้องถิ่นเข้ามาดูแลเพียงช่วงแรกเท่านั้น ปัจจุบันครอบครัวของนายเสนาะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด”
“คุณแสวง ภรรยาของพี่เขา ต้องแบกรับภาระดูแลทั้งสามีที่นอนป่วยในโรงพยาบาลและแม่ชราที่มีปัญหาสุขภาพที่บ้าน ทำให้ครอบครัวประสบความลำบาก และเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 68 แพทย์วินิจฉัยว่านายเสนาะอยู่ในภาวะสมองตายจากการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน”
“ตอนนี้พี่เสนาะอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ผมจะเข้าเยี่ยมครอบครัวนายเสนาะ เพื่อประเมินสถานการณ์และหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป”
พร้อมกันนี้ก็ได้โพสต์ภาพของนายเสนาะ เมืองแพน ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโดยที่มีการใส่ท่อต่างๆ และมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ต.ซับพุทรา อ.ชนแดน พบนาง แสวง เมืองแพน อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.7 ต. ซับพุทรา อ.ชนแดน ภรรยานายเสนาะ เมืองแพน เปิดเผยว่า ในช่วงสายของวันที่ 2 มี.ค. 68 ได้รับแจ้งจากผู้นำหมู่บ้านว่ามีไฟป่ากำลังลุกลามเข้ามาในพื้นที่ท้ายหมู่บ้าน จึงได้ออกไปช่วยกันดับไฟ กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. ก็สามารถดับไฟได้ แต่ตนไม่เห็นสามีกลับมาบ้าน จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตามหา และสอบถามกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งยังไม่ออกจากพื้นที่ก็ทราบว่าระหว่างที่ดับไฟ นายเสนาะก็มาขอน้ำกิน หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์อ้อมไปดูอีกทาง
กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ก็พบร่างของสามีนอนหมดสติในสภาพถูกไฟไหม้ตามลำตัวหลายแห่ง ตาเหลือก ปัสสาวะ อุจจาระ ไหลออกมา จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลชนแดน และส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ โดยแพทย์ลงความเห็นว่าสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ไม่สามารถกลับคืนมาได้ ตอนนี้ได้เพียงยื้อชีวิตไว้เท่านั้น
ปัจจุบันตนได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะต้องดูแลพ่อที่อายุมากแล้ว รวมทั้งต้องเดินทางมาดูแลสามีที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ทุกวัน ระยะทางไป-กลับ เกือบ 100 กิโลเมตร และตั้งแต่ประสบเหตุมีเพียงผู้นำหมู่บ้านมาเยี่ยมเพียงครั้งเดียวหลังจากที่เข้าโรงพยาบาลได้ 3 วัน จากนั้นก็ไม่มีใครมาเยี่ยมหรือให้ความช่วยเหลืออะไรเลย จึงอยากจะวิงวอนหน่วยงาน มาช่วยเหลือ เพราะตอนนี้ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว
ด้านนายกรงจักร ก้อนทอง อายุ 62 ปี น้าของนายเสนาะ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีใครมาให้คำแนะนำว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรหรือช่วยเหลืออะไร เพราะน้องชายออกไปช่วยดับไฟ และได้รับบาดเจ็บ น่าจะมีอะไรมาช่วยเหลือบ้าง แต่ก็ไม่มีใครให้คำแนะนำอะไรเลย ครอบครัวของน้องชายก็หาเช้ากินค่ำ แถมปัจจุบันภรรยาต้องดูแลพ่อที่ป่วยและอายุมากแล้ว รวมทั้งต้องเดินทางไปดูสามีที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ซึ่งก็ไม่รู้จะเป็นแบบนี้อีกนานเท่าไหร่
Advertisement