เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (9 เม.ย. 68) บริเวณศูนย์ประสานงานกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี หรือ กิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ด้านข้างโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นกินแห่งใหม่ มี ผู้แทน บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทก้าวพีเค จำกัด (9PK) นัดเจรจาเรื่องเงินที่ติดค้างจ่ายกับกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย ที่นำโดย นายฐิติพงษ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด หัวหน้าวางระบบไฟฟ้าของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อ เจรจาเกี่ยวกับประเด็นเงินค่าจ้างที่ยังไม่ได้รับ
โดย นายฉัตรชัย ศรีทิพยราษฎร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท 9PK จำกัด ชี้เเจงว่า ได้รับงานจาก "กิจการค้าร่วม ITD-CREC" (ร่วมกันระหว่าง อิตาเลียนไทย กับ ไชน่าเรลเวย์) มาจ้าง บริษัท 9PK มูลค่า 520 ล้าน เพื่อทำระบบไฟฟ้า ภายในตึก สตง. จากนั้นทางบริษัท 9PK ก็ได้ไปจ้างผู้รับเหมาช่วงอีกหลายราย ซึ่งการทำงานมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 30% ทาง "กิจการค้าร่วม ITD-CREC" จะต้องจ่ายเงินเป็นงวดๆ ให้กับบริษัท 9PK เป็นจำนวนรวม 190 ล้านบาท
เเต่ "กิจการค้าร่วม ITD-CREC" จ่ายมาเพียงเเค่ 110 ล้านบาท ยังติดค้างชำระอีกกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้บริษัท 9PK ขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถหาเงินไปจ่ายให้กับช่างเบิร์ดและผู้รับเหมารายอื่นๆ ได้ มีค่าจ้าง 9 ล้านบาท ทางบริษัท 9PK ได้ชำระไปบางส่วน ยังไม่เต็มจำนวน โดยที่ผ่านมาก็พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อมาจ่ายให้กับช่างเบิร์ดและผู้รับเหมาช่วงรายอื่น แต่ก็หาไม่ได้จริงๆ
ก่อนหน้านี้จึงได้มีการเจรจากับ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC" เพื่อขอเงินประกันการก่อสร้าง ที่ทางบริษัท 9PK ได้วางไว้จำนวน 5 ล้านบาท คืนมาให้บริษัท9PK เเละอยากให้ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC" จ่ายเงินที่ติดค้างตนเอง 4 ล้านบาท มาให้ครบจำนวน 9 ล้าน เพื่อที่ตนจะได้นำเงินไปจ่ายให้ช่างเบิร์ด และผู้รับเหมาช่วงทั้งหมด เรื่องจะได้จบกันไป
ยืนยันว่า บริษัท 9PK ไม่มีเจตนาที่จะไม่จ่ายเงินผู้รับเหมาช่วง แต่ก็อยากให้เข้าใจว่าไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ เพราะขาดสภาพคล่องจากปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทของตนตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกกล่าวหาว่าเบี้ยวหนี้ ไม่จ่ายเงินผู้รับเหมา ตนเองยืนยันจะอธิบายความจริงให้สังคมรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ขณะที่ตัวแทนฝั่ง บ.ไชน่าฯ ได้ลุกขึ้นระหว่างการหารือ โดยก่อนที่จะลุกขึ้น ได้พูดว่า วันนี้มาเพื่อที่นัดมาก็เพื่อจะคุยกับผู้รับเหมาที่ไม่ได้เงิน และวันนี้ก็ยังไม่มีการเซ็นต์อะไรกันเลยนั่งคุยกันหรือยอมรับอะไร และขอยืนยันว่าทางบริษัทไชน่าฯได้จ่ายเงินไปแล้ว จากนั้นก็มีการโต้เถียงกัน บอกว่า ทาง บ.9PK ยินดีที่จะให้ บ.ไชน่าฯ นำเงินที่หักไว้ จำนวน 5 ล้านบาท ให้ทาง บ.ไชน่า นำไปจ่ายให้กับผู้รับเหมา และได้ขอให้ บ.ไชน่า พิจารณา เงินในส่วนที่ ทาง บ.9PK ทำงานเกินไปก่อนหน้านี้แล้วยังไม่เบิกจ่าย ให้พิจารณาอนุมัติมาก่อนสัก 4 ล้าน ส่วนเงินที่เหลือ ทาง บ.9PK ยินดีจะรอให้ตรวจสอบ แต่จะขอให้นำเงิน ออกมาจำนวนหนึ่งก่อนเพื่อให้กับผู้รับเหมา แต่พอสิ่นสุดคำนี้ ทางตัวแทนของฝั่ง บ.ไชน่าฯ ได้แย้งไปว่า เอกสารเบิกเงิน จำนวน 70 ล้าน ที่อ้างมานั้นทผ่านมานานแล้วทำไมถึงเรื่องเบิก
ตัวแทน บ.9PK ได้พยายามชี้แจงความยุ่งยากของการเบิกแต่ละครั้ง แต่ตัวแทนของ บ.ไชน่า ก็ได้ลุกขึ้นทันที ด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ ทำให้ผู้รับเหมาที่มานั่งฟังด้วย ไม่พอใจ และออกมาพูดสั้นๆ ว่าไม่ได้หนี แต่สิ่งที่ บ.9PK พูดสิ่งไม่เป็นความจริง และยืนยันว่า บ.ไชน่าฯ ไม่ได้มีค้างเงินกับใครเลยสักบาท
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ได้มีการจ่าบเงินล่าช้าจริงหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มรับเหมามีเอกสารมายืนยัน โดยตัวแทนบริษัทไชน่าฯ ไม่ตอบคำถาม ก่อนเดินข้ามถนนกลับทันที
จากนั้น นายฉัตรชัย ได้พูดเสริมอีกว่า ขอความเป็นธรรมให้กับทาง บ.9PK เพราะตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นบริษัทผมกลายเป็นคนผิดมาตลอดจึงอยากชี้แจงวันนี้ตนนำเอกสารมาว่ายังไม่ได้เงินในบางส่วน แต่ทางบริษัทจีนกลับไม่มีเอกสารอะไรเลยพูดเพียงอย่างเดียวว่า จ่ายเงินให้ทางเราหมดแล้ว ทั้งที่ทางเรายังไม่ได้เงินถึงกว่า 70 ล้าน แต่กลับไม่มีใครเชื่อทางเราที่มีเอกสารมาชี้แจง ซึ่งผมเข้าใจและยืนยันจะหาเงินมาจ่ายให้กับกลุ่มผู้รับเหมา
ด้าน นายฐิติพงศ์ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับตัวแทน บ.ไชน่าฯ ให้เหตุผลว่าสาเหตุที่ไม่จ่ายเงินให้กับตัวแทนผู้รับเหมาเพราะเกรงว่าเงินจะไม่ถึงแรงงาน แต่ตัวเองก็ ระบุไปว่าหากรู้สึกกังวลก็ให้นำเงินค่าจ้างมามอบต่อหน้าสื่อ และทำสัญญาขึ้นมา ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมาทางบ.ไชน่าฯ ก็ตอบตกลงที่จะจ่ายเงิน แต่วันนี้กลับมีท่าทีที่จะไม่ยอมชำระเงินค่าจ้างให้ตามสัญญา รวมถึงยังแสดงท่าทีไม่พอใจ ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองไม่สามารถทวงเงินโดยตรงกับทางจีน ทำได้เพียงติดต่อขอเงินจากผู้รับเหมาคือ บริษัท 9 PK เท่านั้น และเหตุการณ์วันนี้ก็ทำให้ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการจ่ายค่าจ้างที่คงค้างอยู่
โดยหลังจากนี้ ทางผู้รับเหมาจะประสานไปยังตัวแทนของบริษัทจีน ให้กลับเข้ามาคุยเพื่อหาทางออก โดยจะคุยเป็นการส่วนตัวระหว่างกัน ผู้รับเหมาและบริษัทจีนเท่านั้นโดยจะไม่มี บ.9PK มาร่วม จากนั้นจะมาชี้แจงรายละเอียดให้สื่อมวลชนทราบในภายหลัง
หลังจากวงเจรจาค่าแรง ช่างเบิร์ด หรือ นายฐิติพงษ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด หัวหน้าวางระบบไฟฟ้าของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน รอบแรกล่มไม่เป็นท่า ฝ่ายจีนลุกหนีไม่คุย บ.9PK
ภายหลัง ช่างเบิร์ด เปิดวงเจรจาเกี่ยวกับประเด็นเงินค่าจ้างที่ยังไม่ได้รอบ 2 ใช้เวลาพูดคุยราว 1 ชั่วโมง ก่อนที่ทางช่างเบิร์ดจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่รอติดตามการเจรจา ว่า วันนี้มีการเจรจาสองครั้ง ครั้งแรกนัดมาพูดคุยกันเรื่องเงิน แต่ทาง บ.9PK ไปคุยถามเรื่องเงินกับ บริษัท ไชน่าฯ จากนั้นได้โทรศัพท์ตามเขาก็กลับมาเพื่อพูดคุยกับผู้รับเหมา ผลสรุปคือเขาไม่อยากจะหนีแต่ไม่อยากฟังที่ บ.9PK ชี้แจง และยินดีที่จะจ่ายเงินให้กับผู้รับเหมา แต่ขอไปประชุมสรุปเกี่ยวกับเรื่องบัญชีว่าหากจะตัดเงินมาจ่ายจะโดนภาษีหรือไม่ และกังวลเรื่องแรงงาน หากจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาไปแล้ว ผู้รับเหมาจะต้องไปจ่ายเงินให้กับแรงงาน ซึ่ง ช่างเบิร์ด จึงเสนอให้ บริษัท ไชน่าฯ ทำหนังสือสัญญาการจ่ายเงิน รวมถึงผู้รับเหมาจะรวบรวมหลักฐานสำเนาบัตรประชาชนของคนงานที่ได้รับเงินค่าจ้างแล้วมาให้ทาง บริษัท ไชน่าฯ เพื่อยืนยันมีการนำเงินไปจ่ายเป็นค่าแรงให้กับคนงานแล้วจริง เพราะเกรงว่า จะมีปัญหากัย บ.9PK ในภายหลัง
ช่างเบิร์ด ยอมรับว่า ส่วนตัวก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เงินจริงหรือไม่ เพราะต้องรอคำตอบจากทางบริษัท ไชน่าฯ อีกครั้ง ว่า จะสามารถเบิกจ่ายเงินจากบริษัทออกมาได้หรือไม่
และในวันพรุ่งนี้ ทางผู้รับเหมาและบริษัทไชน่าฯ จึงจะมีการนัดเจรจาให้แล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย. 68) ซึ่งทาง บ.ไชน่าฯ ก็บอกกับตนว่า ยินดีจะจ่ายเงินค่างานให้กับช่างเบิร์ดและผู้รับเหมารายอื่นๆ รวม 6 คน (คนที่ส่งเอกสารครบถ้วน) รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากบริษัท ไชน่าฯ อ้างว่า ไปคุยกันภายในบริษัทแล้ว ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้เนื่องจากจะมีปัญหาทางภาษี ส่วนตัวก็คงต้องไปร้องขอกรมสรรพากรให้เห็นใจ เพราะต้องการเงินค่าจ้างส่วนนี้จริงๆ และอยากได้เงินค่าจ้างก่อนเทศกาลสงกรานต์
Advertisement