เมื่อเวลา 10.00 น. (18 เม.ย. 2568) น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ราชบุรี และทีมนักจิตวิทยา สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี เดินทางมาที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อพบกับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี หลังเพจเฟสบุ๊ค เจ๊มอย V+ ได้มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ที่ น.ส.เอ ได้ใช้สายไฟรัดคอลูกน้อยวัย 10 เดือน ขณะกำลังร้องไห้ จนเหมือนจะขาดอากาศหายใจ สร้างความสลดใจให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
โดยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เข้าตรวจสอบสภาพร่างกายของเด็กน้อย ซึ่งพบว่ามีร่างกายที่เป็นปกติ ไม่พบร่องรอยบาดแผลการถูกทำร้ายร่างกาย ส่วน น.ส.เอ ทีมนักจิตวิทยา สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ได้เชิญตัวไปพูดคุยประเมินสภาพจิตใจ
ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังจากตนได้รับข้อมูลจากเพจ "เจ๊ม้อย v+" ก็ได้เร่งติดตามหาข้อมูล เพื่อช่วยเหลือเด็กดังกล่าวโดยเร็ว จนสามารถติดต่อพูดคุยกับ นายบี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นสามีใหม่ของ น.ส.เอ แต่ในช่วงแรกยังไม่กล้ารับ เพราะกลัวว่าจะมีโทษ ตนจึงต้องพูดคุยเจรจาอยู่นาน จนสุดท้ายยอมรับว่าเป็นผู้ถ่ายและโพสต์คลิปดังกล่าวเอง โดยใช้รหัสเฟสบุ๊คของ น.ส.เอ เพื่อประจาน และต้องการให้กลับมาคืนดี อย่างไรก็ตาม นายบีรับว่า ขณะที่อยู่กินด้วยกัน ได้มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ด้วยเหตุที่ น.ส.เอ ไม่ช่วยงานบ้าน
ในเวลาต่อมาตนสามารถติดต่อกับ น.ส.เอ ได้ และทราบว่าเด็กน้อยปลอดภัยดีและอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จากการพูดคุยในวันนี้ น.ส.เอ ยอมรับและรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับเล่าถึงสาเหตุที่เป็นแรงกดดัน ทำให้ต้องลงมือกับลูก เนื่องจากนายบีพูดในทำนองว่าจะไล่ตนออกไปจากบ้านและจะทำร้ายลูก 10 เดือนของตน จึงทำให้สติหลุดและบันดาลโทสะบอกกับนายบีว่า "ลูกกูถ้ามันจะเจ็บก็ต้องเจ็บจากกูตีมึงไม่มีสิทธิ์มาตีลูกกู" และได้ทำการในทำนองประชดประชันเกิดขึ้นตามที่ปรากฏในโลกโซเชียล
หลังจากนั้น น.ส.เอ รู้สึกผิด จึงได้โทรไปหาพ่อของตัวเอง เพื่อสารภาพทุกอย่างในสิ่งที่ทำกับลูกลงไปและได้นำลูก 10 เดือนไปฝากไว้กับพ่อเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา
น.ส.เอ เปิดเผยว่า คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2568 ซึ่งเป็นช่วงระหว่างตนและนายบีเดินทางไปขายของใน จ.เชียงใหม่ และมีปากเสียงกัน โดยนายบีได้ออกปากไล่ และพยายามพูดจายั่วยุตนตลอดเวลา ประกอบกับปัญหาต่างๆ ทั้งจากครอบครัวของนายบี และตัวของนายบี ที่ยึดทั้งเงินและโทรศัพท์ของตนไว้ ทำให้ติดต่อครอบครัวไม่ได้ จนเกิดความกดดัน จึงคว้าสายไฟที่อยู่ใกล้มือมารัดคอลูก ซึ่งตนไม่รู้ว่านายบีจะถ่ายคลิปเก็บไว้ ในคลิปตนได้พูดว่า "มึงทำให้กูเป็นคนแบบนี้"
กระทั่งวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ตนได้หลบหนีออกมาจากบ้านของนายบีที่ จ.เพชรบูรณ์ ในสภาพสวมแค่เสื้อชั้นในและกางเกงขาสั้น โดยแขนข้างหนึ่งก็หิ้วลูกที่อยู่ในกระเป๋า ส่วนแขนอีกข้างก็ต้องหิ้วเสื้อผ้า เพื่อพาลูกกลับบ้านที่ราชบุรี และตั้งใจจะหางานทำ เพราะต้องการสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูก ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูก ตนรู้สึกผิดและจะเป็นตราบาปในใจไปตลอดชีวิต
ทั้งนี้ ผลการตัดสินของเจ้าหน้าที่จะเป็นเช่นไร ตนพร้อมยอมรับ โดยก่อนหน้านี้ ตนก็เลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอดออกมา ซึ่งตลอดเวลาตนตั้งใจทำงาน เพื่อเก็บเงินทำคลอด ซื้อนม และผ้าอ้อมเด็ก
ส่วนเรื่องที่ นายบี ได้โพสต์คลิปดังกล่าวลงสื่อโซเซียล ตนมองว่าน่าจะเพราะต้องการประชด สาเหตุจากก่อนหน้านี้ นายบีพยายามติดต่อง้อขอคืนดี แต่ตนไม่อยากกลับไปอยู่สภาพเดิมอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนจะแจ้งความกับนายบี เกี่ยวกับ พรบ.คอมพิวเตอร์ ในกรณีนำภาพของตนไปลงสื่อโซเซียลโดยไม่ได้รับอนุญาต
น.ส.ขวัญเรือน ฉิมทอง เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการ เพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว เปิดเผยว่า เบื้องต้นดูจากสภาพของเด็ก ยังอยู่ในอาการร่าเริง มีความปลอดภัยดี ไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตามทีมสหวิชาชีพจะเข้าพูดคุยกับแม่เด็กและครอบครัว เพื่อดูปัจจัยที่ทำให้แม่เด็กลงมือทำว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ขณะเดียวกันแม่เด็กจะต้องพบแพทย์ เพื่อประเมินสภาพจิตใจ
ในส่วนของการแยกแม่กับเด็กหรือไม่นั้น ทางทีมสหวิชาชีพจะต้องดูภาวะปัจจัยอะไรที่เป็นสาเหตุ มีความเครียดหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำอีกหรือไม่อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างหาแนวทางร่วมกันกับหลายฝ่าย เพื่อวางมาตรการและแนวทางตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก ปี 2546 และ พรบ. ผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ปี 2550
พ.ต.อ.กอบโชค เล็กตระกูล ผกก.สภ.บ้านโป่ง เปิดเผยว่า ทันทีที่ได้รับทราบข้อมูล ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา กระทั่งสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าแม่และเด็กคนดังกล่าว พักอาศัยอยู่กับตาในบ้านพักหลังหนึ่งใน ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง ซึ่งเด็กมีสภาพปกติดี ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย
ด้านการดำเนินคดีหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะเชิญแม่เด็กมาสอบปากคำอย่างละเอียด หากพบว่าเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากไม่ได้เกิดในพื้นที่ ก็จะประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่าเหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ โดยตนได้ตั้งทีมพนักงานสอบสวนขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาในทุกมิติให้รอบด้าน ก่อนจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป รวมไปถึงฝ่ายชายที่เป็นผู้ปล่อยคลิปดังกล่าวด้วย
ภาพ : ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง
Advertisement