ครบรอบ 17 ปี ทนายสมชาย นีละไพจิตร หายตัว มูลนิธิกระจกเงา องค์การนอกภาครัฐที่พยายามทำหน้าที่ในการตามหาคนหาย ได้โพสต์ภาพและข้อความของ นาง อังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของ ทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่เปิดเผยความในใจถึงสามี ว่า เขาเขียนจดหมายมาขอพี่แต่งงาน บอกว่าอยากมีครอบครัว ตอนนั้นพี่เฉยๆ นะ คือยังรู้จักกันไม่กี่เดือนเอง พี่ก็เงียบไปไม่ได้ตอบอะไร จนเจอเขา เขาบอกว่า ถ้าไม่ได้แต่งงานกับเรา ในชีวิตนี้เขาคงไม่แต่งงานกับใครอีก
กต.แจง ทางการกัมพูชา ยังไม่พบเบาะแส "วันเฉลิม" โดนอุ้ม
ตอนนั้นพี่เป็นนักศึกษาพยาบาลปีสุดท้าย พี่เป็นเด็กกิจกรรม ส่วนเขาเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว เป็นทนายความสิทธิมนุษยชน มีข่าวออกสื่อลงหนังสือพิมพ์ แต่ก็ไม่ได้คุยกันส่วนตัวเลย ไปเจอเขาที่ค่ายยุวมุสลิม เราอายุต่างกันพอสมควรนะ อยู่ๆกลางดึก เห็นเขาเข้ามาที่ค่าย ถือแปรงถือไม้กวาด มาล้างห้องน้ำ พี่ก็แปลกใจ ปกติคนระดับเขา แค่มาเยี่ยมค่ายให้กำลังใจ แต่เขามาถึงล้างห้องน้ำเลย ก็ประทับใจว่าผู้ชายแบบเขาก็ทำงานอย่างนี้ได้
อยู่ๆ เขาก็เอาพิมพ์ดีดกระเป๋าหิ้วมาให้พี่ใช้ เวลาเขาป่วยก็จะให้พี่ช่วยพาไปหาหมอที่ศิริราช คอยมาถามว่าต้องกินยาอะไรดี ด้วยความที่พี่เป็นพยาบาล ก็ช่วยเขา แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขานะ วันนึงเขาไปว่าความที่ต่างจังหวัด บอกพี่ว่า ซื้อของมาฝาก ปรากฏว่า เขาซื้อชุดนอนมาให้ พี่ก็รับไว้ แต่ก็ไม่ได้ใส่จนหลังแต่งงานถึงได้เอามาใส่
พี่พยายามรักษาระยะห่าง อีกอย่างพี่เป็นคนดูแลตัวเองได้ ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือนะ การติดต่อกันก็ลำบากหน่อย บางวันพี่ลงเวรที่โรงพยาบาลห้าทุ่ม เขาก็มารอ บอกว่ามีธุระผ่านมาแถวนี้พอดี เขาก็พยายาม แต่พี่กลับยังเฉยๆ ด้วยความที่เห็นปัญหาชีวิตคู่ของคนอื่นมาเยอะ พี่รู้ว่าชีวิตแต่งงานไม่เหมือนนิยาย ใจจริงก็อยากมีครอบครัว ไปบอกพ่อ ช่วงนั้นแม่เพิ่งเสีย เล่าให้พ่อฟังว่า มีคนมาขอแต่งงาน เขาเป็นทนายความนะพ่อ พ่อถามคำเดียวว่าดูแลลูกสาวพ่อได้มั้ย ถ้าดูแลได้พ่อก็ยินดี ส่วนตัวพี่ไม่ได้ต้องการครอบครัวที่ดีเลิศ เพราะเราเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้ ก็เลยตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตคู่กับเขา อีกอย่างที่ชอบเขาคือ เขาเป็นคนไม่สูบบุหรี่ งานแต่งก็เลี้ยงน้ำชากันแบบเรียบง่าย สินสอดก็ไม่มี
พอหลังแต่งงาน พี่ตั้งท้องลูกคนแรก เขาไปเรียนกฏหมายอิสลาม ที่ปากีสถาน กลับมาก็คลอดพอดี หลังคลอดลูก พี่ก็เลี้ยงไปด้วยทำงานบ้านไปด้วย มีลูกด้วยกัน 5 คน เขาจะรับผิดชอบค่าเทอมลูก แต่พอจะจ่ายจริงๆ เขาบอกว่าช่วยออกก่อนได้มั้ย คือ เขาเป็นคนไม่มีเงินหรอก บัตรเอทีเอ็มนี่กดไม่ออกเลย เขามีเพื่อนเยอะ เวลาเพื่อนเดือดร้อนเขาช่วยตลอด แล้วไม่กล้าทวงเงินเพื่อนด้วย เงินค่าทนายหมดไปกับการช่วยเหลือคนอื่น
สมัยก่อนที่บ้านถูกตัดไฟบ่อยมาก คือ เขาจะให้หักค่าไฟจากบัญชีธนาคาร แต่มันไม่มีเงินในบัญชีให้ตัด อายคนนะเวลาบ้านถูกตัดไฟ เดือดร้อนด้วย ข้าวก็หุงให้ลูกกินไม่ได้ พี่ก็บอกเขาว่าไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวพี่จัดการเอง เขาก็เกรงใจเรา เขาไปว่าความต่างจังหวัด พยายามจะไปเช้าเย็นกลับ แทบไม่เคยไปนอนค้างโรงแรม ว่าความคดีสิทธิมนุษยชนควักเนื้อแทบทั้งนั้น เขาบอกว่า ว่าความ ใช้แต่สมอง ไม่มีค่าใช้จ่าย
ยี่สิบกว่าปีที่อยู่ด้วยกันมา คำพูดที่เขาพูดบ่อยที่สุดคือ “ขอโทษ” พี่ก็บอกเขาว่า ทำอะไรที่ไม่ต้องมาขอโทษกันได้มั้ย คือ จริงๆ เราเถียงกันประจำนะ ตอนจะแต่งงานพี่บอกก่อนเลยว่า ในบ้านต้องเถียงกันได้ ในบ้านเป็นประชาธิปไตยนะ ช่วงหลังๆ พี่เคยถามเขานะ ไม่คิดจะหาเมียใหม่หรอ เขาว่า ทนๆกันไปเถอะ ไม่นานก็ตายจากกัน พี่ก็ว่าเขาว่า อย่าพูดแบบนี้ ระวังมันจะเป็นจริง
เรื่องเถียงกันนี่ ลูกก็เป็น ที่บ้านเราจะโต้เถียงกันได้ ลูกแต่ละคนนี่ เด็กๆขี้เถียงมาก เถียงเก่ง เถียงเป็นชั่วโมง ลูกก็เชื่อเหตุผลของตัวเอง บางทีเขาโมโห เขาตีลูกนะ พอตีเสร็จ รีบเดินไปซื้อแป๊ปซี่ ซื้อขนมให้ลูกกิน คือ รีบมาโอ๋ลูกเลย เขารักลูกมาก ถ้ามีเวลาเขาจะไปส่งลูกที่โรงเรียนตลอด เขาบอกว่า นี่คือเวลาที่เขาจะได้อยู่ได้คุยกับลูกถ้าไม่ทะเลาะกันบนรถซะก่อนนะ และครอบครัวเราจะกลับมากินข้าวเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตา บนโต๊ะกินข้าวนี่จะเป็นพื้นที่พูดคุยกันและก็เถียงกันประจำ ลูกคนนึงเรียนนิติศาสตร์ คนนึงเรียนรัฐศาสตร์ ก็เถียงทฤษฎีกันตลอด เขาไม่ชอบให้ลูกเถียงกัน แต่พี่บอกเขาว่า เราจะได้รู้ว่าลูกคิดอะไรอยู่
ลูกสาวคนที่สอง เคยพูดกับพี่ว่า พ่อเป็นคนขี้เหงา ดูเหมือนมีเพื่อนเยอะ แต่จริงๆเขาไม่มีใคร ชีวิตมีแต่ครอบครัวกับงาน เขาจริงจังกับงานมาก จะเจ็บจะป่วยแค่ไหนก็ต้องไปว่าความ เวลาเขาไปทำงาน ชอบโทรมาหา บางวันโทรเป็นสิบรอบ ถามว่ากินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ บางทีเราทำงานบ้าน ทำกับข้าว ก็ต้องวิ่งมารับ แต่พออยู่บ้านด้วยกันไม่พูดไม่ถามอะไรเลย
ว่าความในศาล เขาเป็นคนสุภาพ ยกมือไหว้ทุกคนทุกครั้ง พี่ยังเคยถามเลยว่าต้องไหว้ขนาดนั้นเลยหรอ เขาเคยพาลูกไปศาลด้วยนะ เคยมีคนตะโกนด่าทนายโจร ลูกมาบอกพี่ว่าสงสารพ่อ ครั้งหนึ่ง ตอนลูกสาวคนโตฝึกงานกับพ่อ เขาบอกให้ลูกไปซื้อข้าวกล่องมาเลี้ยงลูกความที่เป็นจำเลยใต้ถุนศาล ลูกยังกลับมาถามเราว่าพ่อต้องทำขนาดนี้เลยหรอ ถ้าวันนี้เขามองลงมา เชื่อว่าเขาจะภาคภูมิใจที่ลูกๆทุกคนเติบโตอยู่ในหนทางที่มีพ่อเป็นแบบอย่าง คือการรู้จักเสียสละ อ่อนน้อมถ่อมตน กล้าหาญ อดทน และไม่ก้มหัวให้ความไม่ชอบธรรม เป็นการสานต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของเขา
-อังคณา นีละไพจิตร ภรรยา ทนายสมชาย นีละไพจิตร คนหาย-
ทนายสมชาย นีละไพจิตร ถูกอุ้มหายไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 พรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบ 17 ปีเต็มที่ทนายสมชายหายตัวไป
"ดอน" ลั่นไม่รู้จัก "วันเฉลิม" เพราะไม่สำคัญต่อความมั่นคง ชี้รอกัมพูชาตรวจสอบ
สหภาพนักศึกษาผูกโบสีขาว ชู 3 นิ้วหน้าทำเนียบ ประณามปม "วันเฉลิม" ถูกอุ้ม
Advertisement