วันที่ 30 มี.ค.64 สหภาพแห่งชาติ กะเหรี่ยงเคเอ็นยู (KNU–Karen National Union) กลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า ในเขตมือตรอ รัฐกะเหรี่ยง (กอทูเล) ได้ออกหนังสือแถลงการณ์ของเขตมือตรอ กองพลที่ 5 ต่อสาธารณชน ประณามการใช้การโจมตีทางอากาศร้ายแรงต่อพลเรือนชาวกะเหรี่ยงอย่างต่อเนื่อง เริ่มที่หมู่บ้านปูโหน่ ในวันที่ 27 มี.ค.64 ส่งผลให้มีพลเรือนชาวกะเหรี่ยง เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 8 ราย และส่งผลให้พลเรือนชาวกะเหรี่ยงทั้งหมดประมาณ 10,000 คน พยายามหลบหนีเข้าป่า และข้ามมายังประเทศไทย
ไทยปฏิเสธข่าวผลักดัน พม่าลี้ภัย 2 พันคนกลับประเทศ หลังทหารถล่มฐานทัพกะเหรี่ยง
ในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า แม้จะมีขอตกลงหยุดยิงทั่วประเทศในพม่า(NCA)แ ต่กองทัพพม่าได้ขยายกําลังทหารในดินแดนกะเหรี่ยงหลายแห่งเป็นเวลาหลายเดือนซึ่งก่อให้เกิดความหวาดกลัวและการพลัดถิ่น นอกจากนั้นทหารพม่ายังเดินหน้าก่อสร้างถนนและส่งกองกำลังทหารเพิ่มเข้ามาในรัฐกะเหรี่ยงอย่างต่อเนื่อง
เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่กองกำลัง KNLA (หน่วยทหารของ KNU) ออกประกาศว่าหากกองทัพพม่าไม่ให้คำมั่นที่จำหยุดยิงอย่างจริงใจ กองกำลัง KNLA ย่อมมีความชอบธรรมในการปกป้องดินแดนการปกครองและปกป้องประชาชนาวกะเหรี่ยง ผลของการผิดข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งได้ระบุไว้ชัดเจนรวมถึงการตัดเส้นทางส่งเสบียงของทหารพม่า ชุมชนชาวกะเหรี่ยงได้จัดการชุมนุมหลายครั้งเพื่อเรียกร้องสิทธิในการดำรงชีพอย่างสงบสุข และเรียกร้องให้ทหารพม่าถอนกำลังออกจากพื้นที่
อย่างไรก็ตาม การรุกทางทหารยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่พลเรือน ความลึกลับล่าสุดของการส่งข้าวให้ทหารพม่าผ่านประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งในแผนที่เจตนาที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกะเหรี่ยงกับไทยซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
"เรากังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของพลเรือนของเรา เราไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ร้ายแรงเหล่านี้ที่เกิดขึ้นโดยกองทัพของรัฐบาลทหารนอกกฎหมายเพื่อปกป้องดินแดนของเราชาวกะเหรี่ยงของเราและสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของพวกเขา
เราขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศรวมทั้งรัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือและความคุ้มครองด้านมนุษยธรรมที่จําเป็นแก่ประชาชนของเราที่หลบหนีจากการโจมตีของทหารพม่าในเวลานี้
เราขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศอย่าให้การยอมรับรัฐบาลทหารนอกกฎหมายนี้ และตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพวกเขา รวมถึงความสัมพันธ์ทางทหารและเศรษฐกิจประชาคมระหว่างประเทศ ควรกดดันให้ทหารพม่าฟาสซิสต์ยุติการใช้อาวุธทางทหารต่อพลเรือนโดยทันทีซึ่งถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ"
การออกแถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีกระแสข่าวกรณีทางการไทยได้ทำการผลักดันผู้อพยพจำนวนกว่า 10,000 คน ที่หลบหนีภัยสงครามเข้ามาในไทยให้กลับสู่พม่าในขณะที่ยังคงมีการสู้รบระหว่างทหารกะเหรี่ยงกับทหารพม่าอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.64 เวลา 11.30 น. กองกำลังทหารกะเหรี่ยง KNU/KNLA ได้ทำการโจมตีทหารพม่าสังกัดกองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 408 บริเวณบ้านวะแกลหลู่ อ.แลงยอย จ.ผาอันรั ฐกะเหรี่ยงซึ่งอยู่ตรงข้ามพื้นที่บ้านท่าสองยาง อ.แม่สอด จ.ตาก ทำให้ทหารพม่าเสียชีวิต 11 นาย และบาดเจ็บอีก 13 นาย
ในส่วนของราษฎรไทยในพื้นที่ตามตะเข็บชายแดน อ.สบเมยและ อ.แม่สะเรียงมีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ตามแนวชายแดน ที่ยังคงมีข่าวการสู้รบระหว่างทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง รวมไปถึงการเห็นพลเรือนของชาวกะเหรี่ยงที่ถูกส่งเข้ามารักษาตัวในไทยและมองว่าการผลักดันผู้อพยพกลับพม่าเหมือนการผลักดันคนเหล่านั้นกลับไปสู่ความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่ล่าสุด วันนี้ (31 มี.ค. 64) มีรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย ได้ส่งกลับผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง จำนวน 56 คน ที่หลบหนีจากรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ข้ามาอาศัยอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติสาละวิน บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยทางการไทยรับปากว่า จะส่งยาและเวชภัณฑ์ไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในพม่า
ด้านผู้ลี้ภัยช่วยกะเหรี่ยง ที่ถูกส่งกลับต่างไม่พอใจและยืนยันว่าพวกเขายังไม่ต้องการที่จะกลับไปในเขตพม่า เนื่องจากทราบข่าวมาว่า จะมีการสู้รบระหว่างทหารกะเหรี่ยงกับทหารพม่าในบริเวณ พื้นที่ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และบริเวณพื้นที่ บ้านเซเบท่า ฐานที่มั่นของกะเหรี่ยง เคเอ็นยู กองพลน้อยที่ 7 ตรงข้ามบ้านแม่สลิด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
ภาพจาก - AFP, Friends Without Borders Foundation
ประท้วงพม่า เลวร้ายหนัก ทหารยิงพยาบาลตายในโรงพยาบาล - กราดยิงในงานศพ
ประท้วงพม่า สู้ไม่ถอย! ยอดดับทะลุ 500 ศพ ร้องกองกำลังชาติพันธุ์ร่วมต้านกองทัพ
Advertisement