'ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะรับมือกับมลภาวะและ PM2.5 สาเหตุของการเกิดสิวและผิวแพ้ง่าย
มลภาวะทางอากาศทำร้ายสุขภาพคุณมากกว่าที่คิด หนึ่งในมลพิษที่ลอยในอากาศ (Airborne particulate matter pollution) ที่เป็นปัญหาใหญ่และยากจะจัดการได้อย่าง PM2.5 (Particulate Matter) หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี นับเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวันที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ และสุขภาพผิวโดยตรง โดย PM2.5 จะไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) กับชั้นฟิล์มไขมันเคลือบผิว (Sebum) ที่ทำหน้า เสมือนเกราะปกป้องผิวให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ อุดตัน นำมาซึ่งปัญหาผิว อาทิ สิว ริ้วรอย รวมถึงความหมองคล้ำ ดังนั้นการทำความสะอาดผิวจึงเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับดูแลและเตรียมผิวให้พร้อมก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้น บำรุงผิวต่อไป
‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผมจากสารสกัดธรรมชาติร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แนะวิธี “รับมือกับมลภาวะและ PM2.5 สาเหตุของการเกิดสิวและผิวแพ้ง่าย”
แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ได้แนะแนะวิธีรับมือกับมลภาวะ และฝุ่น PM2.5 สาเหตุของการเกิดสิวและผิวแพ้ง่ายว่า
มลภาวะและฝุ่น PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องที่เราต้องเผชิญกันในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือดแล้ว ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น ซึ่งมลภาวะและPM 2.5 สามารถจับตัวกับสารเคมีและโลหะหนักต่างๆ ในอากาศ เมื่อสัมผัสกับผิวหนังจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของเซลล์ผิวทำให้เกิดความผิดปกติกับกลไกการปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมภายนอก รวมถึงส่งผลต่อกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว โดยจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเซลล์ผิวและทำให้ภูมิต้านทานของผิวแย่ลง ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย เกิดสิว อาการแดงคัน ระคายเคือง ริ้วรอยและจุดด่างดำ ในบางรายอาจเกิดลมพิษขึ้นบริเวณใบหน้า
เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กกว่ารูขุมขนถึง 20 เท่า จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่รูขุมขนได้ง่าย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนังขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้นและระยะเวลาที่ผิวสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
หากสัมผัสฝุ่น PM 2.5 เพียง 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ช่วงเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนังได้แล้ว และหากต้องเผชิญกับฝุ่นละอองระดับ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะก่อให้เกิดภาวะความชราของผิว รวมถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของผิวลดลง
สำหรับคนที่มีสภาพผิวมัน อาจพบปัญหาการอุดตันของรูขุมขน ทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น รวมถึงคนที่มีสภาพผิวอ่อนแอและแพ้ง่าย ผิวมักจะเกิดผด ผื่น ร่วมกับอาการคันและระคายเคืองได้ง่าย นอกจากผิวหน้าแล้ว ผิวบริเวณอื่นของร่างกายอย่างข้อพับก็สามารถเกิดผื่นแดงคันได้ด้วยเช่นกัน
การป้องกันผลกระทบจากมลภาวะและฝุ่น PM 2.5 นอกจากการสวมหน้ากากอนามัยแล้ว ควรอาบน้ำชำระร่างกายเมื่อกลับเข้าที่พักทันที รวมถึงให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่แต่งหน้าควรล้างคราบเครื่องสำอางบนผิวให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความอ่อนโยนและเหมาะกับแต่ละสภาพผิว สามารถใช้ร่วมกับมาส์กที่มีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างและความมันส่วนเกินของผิว สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ควรปรับสภาพผิวและกระชับรูขุมขนด้วยการใช้โทนเนอร์หลังการล้างหน้าทุกครั้ง นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดหลังการล้างหน้าแล้วยังถือเป็นเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับขั้นตอนรับการบำรุงต่อไปอีกด้วย
ส่วนเกณฑ์การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดผิวหน้า นอกจากคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิวแล้ว ควรมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการบำรุงและปกป้องผิวด้วย เช่น สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งกระบวนการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin), น้ำมันข้าว (Rice Ban Oil) อุดมด้วยกรดไขมันที่เป็นประโยชน์, วิตามิน อี และสารแกมม่าออริซานอล (Gamma-Oryzanol) มอบความชุ่มชื้นพร้อมคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพ ปกป้องผิวจากมลภาวะเป็นต้น
นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งผัก ผลไม้หลากสี รวมถึงงดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยสามารถปรับเปลี่ยนมาออกกำลังในร่มแทน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำสะอาดในระหว่างวันให้มากๆ รวมถึงหมั่นสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หากผิวเกิดตุ่มผื่นที่มีลักษณะนูนแดง กระจายบนผิวหนัง รอบดวงตา มีอาการตาแดง เปลือกตาบวม มีน้ำตาไหล ใต้ตาช้ำมีสีคล้ำร่วมกับอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการคัน แน่นในโพรงจมูก แน่นหน้าอก ไอ จาม มีน้ำมูกใสๆ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนถึงอาการแพ้ฝุ่น PM2.5 ดังนั้นควรรีบเข้าพบแพทย์โดยทันที
‘ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลก และเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวโดยเฉพาะ อุดมด้วยคุณประโยชน์ของ สารสกัดธรรมชาติจาก ‘น้ำมันรำข้าว’ (Rice Bran Oil) และสารสกัดจาก ‘ชิโซะ’ (Shiso) ที่มีจำหน่ายในร้านและเคาน์เตอร์ ‘ธัญ’ กว่า 100 สาขาในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป
“น้ำมันรำข้าว” (Rice Bran Oil) สิ่งมหัศจรรย์ใกล้ตัวที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งด้าน โภชนเภสัช อาหาร หรืออุตสาหกรรมความงาม อุดมด้วยวิตามินอีในกลุ่มโทโคไตรอีนอล (Tocotreienol) และโทโคฟีรอล (Tocopherol) รวมถึงสารแกมม่า-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ซึ่งพบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ ออกซิแดนท์ได้ดีกว่าวิตามินอีทั่วไปถึง 6 เท่า รวมถึงปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ซึมซาบสู่ผิว ได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน
“ชิโซะ” (Shiso) พืชที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid), แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde) และฟีนอล คอมพาวด์ (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟู เซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการ ระคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า),วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อมวิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด สารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่าน กระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับดูแลผิวให้พร้อมรับมือกับมลภาวะรวมถึง PM 2.5 ได้แก่ Purifying Face Wash
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน ได้อย่างหมดจด พร้อมคืนความกระจ่างใสสู่ผิว อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าในทำความสะอาดและบำรุงผิว อาทิ น้ำมันมะพร้าวออแกนิค, สารสกัดจากข้าวออแกนิค , สารสกัดจากต้นไผ่, สารสกัดวิชฮาเซล และสารสกัดถั่วเลนทิล
Facial Cleanser ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน พร้อมรักษาสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว ซึ่งปราศจากฟองและสารอัลคาไลน์อีกทั้งยังมีค่า pH ที่ 5.5 - 6.5 ที่อยู่ในระดับเดียวกับผิว ด้วยคุณค่าสารสกัดจากใบชิโซะอนุภาคขนาดเล็ก และสารสกัดจากใบชาเขียว ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังว่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
Astringent Cleansing Water ผลิตภัณฑ์ทำความ สะอาดเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด แม้เครื่องสำอางชนิดที่ล้างออกยาก อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว โดยไม่ทิ้งความมัน ผิวไม่แห้งตึง พร้อมมอบคุณค่าการบำรุงผิวด้วยคุณค่าของสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด อาทิ น้ำสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ ออแกนิค, สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ออแกนิค, สารสกัดจากเซลล์ต้นกำเนิดข้าวแดง
Astringent Toner โทนเนอร์ช่วยกระชับรูขุมขน และคืนความ สมดุลของผิวหลังล้างหน้า มีส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติ อาทิ สารสกัดจากใบชิโซะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว และต่อต้านสาร อนุมูลอิสระ, โปรตีนและแร่ธาตุสำคัญในสารสกัดจากสาหร่ายช่วยคืนความยืดหยุ่นแก่ผิว, สารสกัดจากชาเชียวช่วยปลอบประโลมผิวให้มีสุขภาพดี และสารสกัดจากยีสต์ ช่วยรักษาสมดุลการทำงานของต่อมไขมันในผิว
Detoxifying Clay Mask มาส์กสูตรดีท็อกซ์ผิวจาก โคลนธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ ทานากุระ เคลย์ จากประเทศญี่ปุ่น, เกาลิน เคลย์ และเบนโทไนต์ เคลย์ สามารถควบคุมความมันส่วนเกิน ได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง
Advertisement