Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
NASA ASIA-AQ บอกอะไรกับคุณภาพอากาศในประเทศไทย

NASA ASIA-AQ บอกอะไรกับคุณภาพอากาศในประเทศไทย

25 ก.พ. 68
17:03 น.
|
6
แชร์

หลังเสร็จสิ้นภารกิจบินสำรวจและเก็บข้อมูลคุณภาพอากาศภายใต้โครงการ ASIA-AQ เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ทีมประเทศไทยโดย GISTDA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. และคณะทำงานการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภายใต้โครงการ ASIA-AQ อาทิ กรมควบคุมมลพิษ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หน่วยงานภาครัฐ และอาจารย์จากสถาบันการศึกษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นต้น ได้ทำงานอย่างหนักและยังคงเดินหน้าศึกษาวิจัยข้อมูลต่างๆ รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องร่วมกับ NASA อย่างต่อเนื่อง เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการบินเก็บค่าฝุ่นดังกล่าว

สำหรับประเทศไทย เครื่องบิน DC-8 ได้บินเก็บค่าฝุ่น โดยขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภามุ่งหน้าทางเหนือไล่ไป ตั้งแต่กรุงเทพถึงเชียงใหม่ และบินกลับมายังสนามบินอู่ตะเภา โดยเส้นทางการบินจะผ่านสนามบินดอนเมือง สนามบินสุโขทัย และสนามบินเชียงใหม่ ก่อนจะวนกลับมาผ่านสนามบินแพร่ สนามบินพิษณุโลก และมุ่งหน้าสู่สนามบินอู่ตะเภา และทำการบินลักษณะนี้ 2 รอบต่อวัน เป็นจำนวน 4 วัน ซึ่งจะบินแบบขึ้น-ลงที่ระดับความสูงประมาณ 3,000 เมตรและบินต่ำหรือเข้าใกล้ที่สนามบินระดับความสูงประมาณ 50 เมตร เพื่อให้เห็นระดับชั้นบรรยากาศในความสูงที่แตกต่างกัน ส่วนเครื่องบิน G-III จะขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา เน้นบินเป็นรูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้าบริเวณเหนือท้องฟ้ากรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง อาทิ นนทบุรี ปทุมธานี เป็นต้น

เมื่อบินเสร็จ GISTDA ได้ตั้งคณะทำงาน โดยมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกรมควบคุมมลพิษ เพื่อการใช้ข้อมูลร่วมกัน และมีการทำวิจัยในหัวข้อที่แตกต่างกันไปในแต่ละเรื่องที่สนใจ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะร่วมกันวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลที่ได้จากทั้งดาวเทียม เครื่องบิน และสถานีตรวจวัดภาคพื้น เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามสถานการณ์ฝุ่นจากแหล่งต่าง ๆ รวมถึงเป็นข้อมูลสำหรับการออกนโยบายและวางแผนบริหารจัดการมลพิษทางอากาศในไทย

เบื้องต้นผลจากการบินเก็บค่าฝุ่น ทำให้เข้าใจลักษณะพิเศษของฝุ่นว่า ฝุ่นจริง ๆ จะอยู่ด้านล่าง และเมื่ออยู่ในระดับที่สูงขึ้นไป ปริมาณฝุ่นจะน้อยลง นอกจากนี้ ความสูงยังสามารถบอกพฤติกรรมการเกิดฝุ่นได้อีกด้วย เช่น หากฝุ่นอยู่ในความสูงมากกว่า 2 กิโลเมตร ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ฝุ่นนี้เกิดจากที่อื่นและเคลื่อนย้ายมาในบริเวณที่พบค่าฝุ่น ส่วนผลวิเคราะห์เบื้องต้น ได้มีการนำเสนอในงาน ASIA-AQ Science Team Meeting เมื่อ 20-24 มกราคม 2568 ณ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นงานประชุมที่มีทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่างๆ ในประเทศไทย รวมถึง GISTDA เข้าร่วมและพบกับทีมนักวิทยาศาสตร์จาก NASA นำโดย James H. Crawford และนักวิทยาศาสตร์จากประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ASIA-AQ เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับข้อมูลที่วิเคราะห์ที่ได้ในเบื้องต้น

ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่า การเผาชีวมวล (Biomass Burning) เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษจากฝุ่นละอองในภาคเหนือของประเทศไทย ข้อสรุปนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานหลายประการ รวมถึงปริมาณละอองลอยอินทรีย์ (Organic Aerosol) ปฐมภูมิและทุติยภูมิที่วัดได้จากอุปกรณ์บนเครื่องบินของ NASA ตลอดจนสารประกอบในบรรยากาศที่เกี่ยวข้องกับการเผาไหม้ รวมถึงการข้อมูลการตรวจวัดภาคพื้นดินที่ดำเนินการโดยนักวิจัยจากสหพันธ์สาธารณรัฐเกาหลีในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วง ASIA-AQ Campaign อีกด้วย

ขณะที่มลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ร่วมกับการเผาชีวมวล ซึ่งความแตกต่างกันของแหล่งที่มาเหล่านี้ เน้นย้ำให้เห็นความจำเป็นในการเข้าใจถึงปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆ ของการเกิดมลพิษในระดับภูมิภาค เพื่อให้เกิดการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา การป้องกัน และบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี การทำความเข้าใจในแหล่งที่มาของมลพิษทางอากาศ ต้องมีความระมัดระวังในการแยกแยะละอองลอยจากแหล่งกำเนิดโดยตรง และละอองลอยทุติยภูมิด้วย ซึ่งเบื้องต้นในช่วง ASIA-AQ Campaign พบว่า PM2.5 ส่วนใหญ่เป็นละอองลอยที่ผ่านปฏิกิริยาเคมีในชั้นบรรยากาศ หลักๆ เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์และควันเก่าจากการเผาชีวมวล ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติจะต้องเข้าใจและให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากการเผาไหม้

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังเห็นได้ชัดว่าจากสถิติหลายปีที่ผ่านมา มลพิษในประเทศไทยโดยเฉพาะ PM2.5 จะมีฤดูกาลที่ชัดเจนคือกรุงเทพจะเริ่มมีฝุ่นเยอะในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมกราคม ในขณะที่ภาคเหนือจะเริ่มมีปริมาณฝุ่นเยอะมากขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี อีกทั้งเมื่อดูจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น Organic Aerosol, Levoglucosan, Acetonitrile พบว่าเชียงใหม่มีปริมาณสูงกว่ากรุงเทพเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่บ่งบอกถึงการเผาชีวมวลในพื้นที่ ข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากเครื่องมือภาคพื้นที่ติดตั้งที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นเดียวกัน

ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีสารก่อมลพิษที่เกิดจากปัจจัยหลายอย่างผสมกัน โดยเฉพาะปัจจัยด้านการจราจรและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังพบว่ามีโอโซนระดับพื้นดินที่เป็นมลพิษที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่อันตรายต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจด้วย โอโซนระดับพื้นดินดังกล่าวมักเกิดจากไอเสียรถยนต์ และการเผาไหม้จากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเมื่อเจอกับแสงแดดในช่วงเวลากลางวันจะเกิดโอโซนระดับพื้นดินที่มีความเข้มข้นสูง และสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคืองทางเดินหายใจได้ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือว่ามีโอโซนระดับพื้นดินสูงเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศในอาเซียน และในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2568 นี้ คณะทำงานมีแผนจะเผยแพร่และนำเสนอข้อมูลให้กับรัฐบาล หน่วยงานระดับนโยบายของประเทศ รวมถึงสาธารณะ ด้วย

ทั้งนี้ GISTDA มีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางที่สนใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้น เนื่องจากข้อมูล ปัจจัย และองค์ประกอบต่างๆที่ได้จากการศึกษาเหล่านี้ถือเป็นข้อมูลใหม่และสำคัญมากสำหรับประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการบรรเทาและแก้ไขปัญหามลพิษของประเทศไทยอย่างจริงจังต่อไป

Advertisement

แชร์
NASA ASIA-AQ บอกอะไรกับคุณภาพอากาศในประเทศไทย