แม้จะเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ไม่มีวันลืมเลือน แต่ Linkin Park ก็ยังคงยืนหยัดและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่เพียงแต่เป็นวงดนตรีร็อกระดับตำนาน แต่ยังเป็นนักธุรกิจที่เฉียบแหลมอีกด้วย การกลับมาพร้อมกับสมาชิกใหม่และเสียงเพลงที่สดใหม่ในครั้งนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่าพวกเขาจะสามารถรักษาตำนานและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงได้หรือไม่ มาร่วมติดตามการเดินทางครั้งใหม่ของ Linkin Park และบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตทางธุรกิจของพวกเขาในยุคที่อุตสาหกรรมดนตรีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ไปพร้อมกัน
Linkin Park เป็นวงดนตรีร็อกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อเสียงจากการผสมผสานดนตรีแนวต่างๆ เช่น นูเมทัล, อัลเทอร์เนทีฟร็อก, และอิเล็กทรอนิกส์ร็อก พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงต้นยุค 2000 ด้วยอัลบั้มอย่าง Hybrid Theory ในปี 2543 ทำยอดขายได้ถึง 10 ล้านก็อปปี้ ตามมาด้วยอัลบั้ม "Meteora" ในปี 2003 ที่ขายได้อีก 4 ล้านก็อปปี้ แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2017 วงต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อนักร้องนำ Chester Bennington (เชสเตอร์ เบนนิงตัน) เสียชีวิต และล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ทางวงพึ่งจะประกาศเปิดตัว นักร้องนำคนใหม่ ดัวนั้นใน วันนี้เราจะพาไปดูแวทางการทำธุรกิจของวง Linkin Park ในวันที่อุตสาหกรรมดนตรีที่เปลี่ยนแปลง
Linkin Park ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในด้านดนตรีด้วยยอดขายอัลบั้มหลายล้านชุดและรางวัลแกรมมี่ แต่ยังโดดเด่นด้วยวิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่เฉียบแหลม วงได้ก่อตั้ง "Machine Shop" ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมความคิดสร้างสรรค์ สตูดิโอออกแบบ และกองทุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรับมือกับความท้าทายในการหารายได้ในอุตสาหกรรมดนตรีที่เปลี่ยนแปลงไป Kiel Berry รองประธานบริหารของ Machine Shop ได้อธิบายใน Harvard Business Review ว่าบริการสตรีมมิ่งเพลงแม้จะได้รับความนิยม แต่รายได้ที่ศิลปินได้รับนั้นกลับน้อยนิด เพื่อความอยู่รอด ศิลปินจึงต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งผันตัวเป็นนักลงทุน
Berry กล่าวว่า "ศิลปินที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ได้เริ่มมองหาโมเดลธุรกิจและอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดและเสริมสร้างแบรนด์ของตนเอง พวกเขากำลังขยายแบรนด์ไปสู่ภาคส่วนอื่น ๆ เช่น เทคโนโลยี เกม แฟชั่น และคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วพวกเขากำลังก้าวสู่การเป็น 'แพลตฟอร์มบันเทิง' อย่างเต็มตัว"
Machine Shop ซึ่ง Berry เรียกว่า "บริษัทนวัตกรรม" นั้น ถือกำเนิดขึ้นในปี 1999 ในห้องนั่งเล่นของ Rob Bourdon มือกลองของวง ก่อนที่พวกเขาจะออกอัลบั้มแรกเสียอีก ในยุคที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook หรือ Twitter วงก็เริ่มสร้างฐานแฟนคลับด้วยการสร้างชุมชนออนไลน์และส่งซีดีที่ทำเองไปให้แฟนเพลงกลุ่มแรก ๆ
หลายปีผ่านไป หลังจากออกสตูดิโออัลบั้ม 7 ชุด คว้ารางวัลแกรมมี่ 2 รางวัล และร่วมงานกับศิลปินดังอย่าง Jay-Z และโปรดิวเซอร์ Rick Rubin Machine Shop ก็ประสบความสำเร็จในการให้บริการด้านการตลาดแก่ทั้งวงดนตรี แบรนด์ต่าง ๆ และสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์
เมื่อถึงปี 2013 บริการสตรีมมิ่งเพลงเริ่มส่งผลกระทบต่อยอดขายเพลงอย่างมาก Machine Shop จึงต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายครั้งใหม่นี้ พวกเขาได้เปลี่ยนจากการเป็นเพียงบริษัทที่ให้บริการด้านการตลาด มาเป็น "บริษัทเงินทุนหมุนเวียน" ที่ลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีและสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดให้กับลูกค้าองค์กร
ช่วงเวลาที่วงตัดสินใจจ้าง Berry ผู้มีประสบการณ์ด้านการเงินและการตลาดนั้น พวกเขาต้องการขยายขอบเขตของ Machine Shop ให้ไกลเกินกว่าแค่บริษัทจัดการด้านดนตรีทั่วไป Linkin Park มุ่งหวังที่จะเติบโตในหลากหลายมิติ จึงได้ขอคำปรึกษาจาก Anita Elberse ศาสตราจารย์จาก Harvard Business School และนักศึกษาของเธอ ซึ่งร่วมกันทำโครงการศึกษาอิสระตลอดภาคการศึกษาเกี่ยวกับ "ธุรกิจของ Linkin Park"
"เป้าหมายของเราคือการสร้างทีมภายในที่มีความสามารถหลากหลาย เพื่อรองรับกิจกรรมนอกเหนือจากดนตรีที่วงวางแผนจะทำในอนาคต" Mike Shinoda นักร้องนำของวงกล่าว จากโครงการศึกษานี้ วงได้วางแผนสร้าง "โมเดลนวัตกรรมแบบองค์รวม โดยมี 4 แกนหลัก ได้แก่ คอนเทนต์วิดีโอ ความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก สินค้า และเงินทุนหมุนเวียน" Berry กล่าว
หลักการสำคัญที่ได้รับจาก Harvard คือการสร้างระบบนิเวศของแบรนด์ที่ผู้คนอยากมีส่วนร่วม สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สื่อถึงมุมมองของ Linkin Park ทำให้ทุกแกนหลักสะท้อนถึงจิตวิญญาณของแบรนด์ กระจายแหล่งรายได้เพื่อลดความเสี่ยง และร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วโลก ด้วยโครงสร้างใหม่ของ Machine Shop Berry กล่าวว่า "ธุรกิจของเราตอนนี้ดำเนินงานเหมือนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี มีลำดับชั้นน้อยลงและมีความคล่องตัวมากขึ้น"
หลังจากจบโครงการศึกษาในเดือนพฤษภาคมปีนั้น Linkin Park ได้เปิดตัว Machine Shop Ventures บริษัทเงินทุนหมุนเวียนที่ลงทุนในบริษัทที่เน้นผู้บริโภค ซึ่ง "สอดคล้องกับจิตวิญญาณของวงในการเชื่อมโยงผู้คนและนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยีและการออกแบบ" บริษัทได้ลงทุนในบริษัทต่าง ๆ เช่น Lyft, Shyp, Robinhood และ Blue Bottle Coffee แม้จะยังคงสร้างสรรค์ดนตรีและออกทัวร์คอนเสิร์ต แต่ Linkin Park ก็ต้องการมีส่วนร่วมในวงการสตาร์ทอัพและเงินทุนหมุนเวียน
"เราไม่ได้ออกจากธุรกิจดนตรี เพียงแต่การสร้างและขายเพลงตอนนี้มีบทบาทในการสนับสนุนธุรกิจโดยรวมของเรามากขึ้น ในขณะที่เรากำลังเตรียมตัวเป็นเฮดไลน์ในทัวร์คอนเสิร์ต 5 สนามกีฬาในจีนช่วงฤดูร้อนนี้ เราก็วางแผนที่จะพบปะกับบริษัทเทคโนโลยี แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค และบริษัทเงินทุนหมุนเวียน เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการเป็นหุ้นส่วน" Berry กล่าว "แน่นอนว่าเราจะยังคงแสดงคอนเสิร์ตและพบปะกับแฟน ๆ เหมือนที่เคยทำมา แต่ในวันนี้ นอกจากการสร้างสรรค์ดนตรีที่ยอดเยี่ยมแล้ว Linkin Park ยังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการดำเนินธุรกิจในโลกวัฒนธรรมและธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา"
แต่อย่างไรก็ตามในปี 2017 วงต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อนักร้องนำ Chester Bennington เสียชีวิต การจากไปของเขาส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวงและแฟนเพลงทั่วโลก วงได้หยุดพักกิจกรรมทั้งหมด และอนาคตของ Linkin Park ดูเหมือนจะไม่แน่นอน สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจวง Linkin Park ในช่วงที่ เชสเตอร์ เสียชีวิต โดย Linkin Park ยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง แม้จะไม่มีผลงานเพลงใหม่ออกมา แต่พวกเขาก็ยังคงมีรายได้จากหลายช่องทาง
หลังจากผ่านไปหลายปีแห่งความเงียบในปี 2024 Linkin Park ได้กลับมาสู่สาธารณะอีกครั้ง และได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเปิดตัว Emily Armstrong นักร้องนำจากวง Dead Sara และ Colin Brittain โปรดิวเซอร์ชื่อดัง เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของวง นับเป็นการก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ของ Linkin Park อย่างเป็นทางการ หลังจากการจากไปของนักร้องนำ Chester Bennington ในปี 2017
การเข้าร่วมของ Emily Armstrong และ Colin Brittain นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวง Linkin Park โดย Emily Armstrong จะเข้ามาทำหน้าที่นักร้องนำ แทนที่ Chester Bennington ผู้ล่วงลับ ขณะที่ Colin Brittain จะเข้ามาเสริมทัพในตำแหน่งมือกลอง สร้างความตื่นเต้นและความคาดหวังให้กับแฟนเพลงทั่วโลก Emily Armstrong เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำของวง Dead Sara วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่มีชื่อเสียง เธอมีพลังเสียงที่ทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งคาดว่าจะนำความสดใหม่และความแตกต่างมาสู่ Linkin Park
จากคำบอกเล่า Shinoda, Delson, Farrell และ Hahn พวกเขาได้เริ่มกลับมาร่วมงานกันอย่างเงียบ ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้พยายามจะ "รื้อฟื้นวง" แต่ทำงานร่วมกับนักดนตรีหลายคน และพบว่ามีเคมีที่เข้ากันได้เป็นพิเศษกับ Armstong และ Brittain โดย Shinoda เล่าถึงยุคสมัยใหม่ของวงว่า "ก่อนจะเป็น Linkin Park ชื่อวงแรกของเราคือ Xero ชื่ออัลบั้มนี้สื่อถึงทั้งจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายและเส้นทางที่เรากำลังเดินอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในด้านเสียงและอารมณ์ มันเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เรายังคงรักษาซาวด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอาไว้ แต่ก็มีความสดใหม่และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา อัลบั้มนี้สร้างขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้งต่อเพื่อนร่วมวงทั้งเก่าและใหม่ เพื่อน ๆ ครอบครัว และแฟนเพลงของเรา เราภูมิใจในสิ่งที่ Linkin Park ได้กลายเป็นมาตลอดหลายปี และตื่นเต้นกับเส้นทางที่รออยู่ข้างหน้า"
"ยิ่งเราได้ทำงานกับ Emily และ Colin มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งประทับใจในความสามารถระดับโลก มิตรภาพ และผลงานที่เราสร้างสรรค์ร่วมกัน" Shinoda เล่าต่อ "พวกเรารู้สึกมีพลังมากขึ้นกับการกลับมาครั้งนี้ พร้อมด้วยบทเพลงใหม่ ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เราได้นำองค์ประกอบทางดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของเรามาผสมผสาน พร้อมกับการทดลองสิ่งใหม่ ๆ ไปพร้อมกัน" Mike Shinoda กล่าว
ล่าสุด Linkin Park ได้ทำการเปิดตัวซิงเกิลใหม่ "The Emptiness Machine" ซึ่งถือเป็นผลงานเพลงแรกในรอบ 7 ปีของวง และเป็นเพลงนำร่องสำหรับอัลบั้มใหม่ที่ใช้ชื่อว่า "From Zero" อัลบั้มนี้มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 15 พฤศจิกายน (ภายใต้สังกัด Warner Records) นับเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงนับตั้งแต่ "One More Light" ในปี 2017 ซึ่งออกมาก่อนการจากไปของ Chester Bennington นักร้องนำคนเดิมเพียงสองเดือน วง Linkin Park ยุคใหม่นี้จะประกอบด้วย Mike Shinoda, Brad Delson, Phoenix, Joe Hahn และสมาชิกใหม่ทั้งสองท่าน จะออกเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตครั้งสำคัญ 6 รอบ โดยจะไปแสดง ณ นครลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก ฮัมบูร์ก ลอนดอน โซล และโบโกตา
เพลง "The Emptiness Machine" ถือเป็นการถ่ายทอด DNA ของ Linkin Park Shinoda กล่าวว่าวงรู้สึก "มีพลังอย่างมากกับไลน์อัพใหม่นี้ และเพลงใหม่ที่สดใสและมีชีวิตชีวาที่เราได้สร้างสรรค์ร่วมกัน" เขายังเสริมว่าพวกเขากำลัง "ผสมผสานองค์ประกอบทางเสียงที่เราเป็นที่รู้จัก พร้อมกับการสำรวจสิ่งใหม่ ๆ" Mike Shinoda กล่าว
สำหรับตั๋วสำหรับทัวร์คอนเสิร์ต "From Zero" จะเปิดให้สมาชิกแฟนคลับ LP Underground จองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน ส่วนการจำหน่ายตั๋วทั่วไปจะเริ่มในวันถัดไปคือวันที่ 7 กันยายน การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Linkin Park ได้ออกอัลบั้มรวมเพลงฮิต "Papercuts (Singles Collection 2000-2023)" เมื่อต้นฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา อัลบั้มนี้รวบรวม 20 เพลงฮิตตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษของวงดนตรีที่มียอดขายสูงสุดวงนี้ วางจำหน่ายผ่าน Warner Records และมีเพลงดังอย่าง "In the End", "Burn It Down" และเพลงแมชอัพกับ Jay-Z อย่าง "Numb/Encore" รวมถึงเพลง "Lost" ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มต้นฉบับ "Meteora" กลับเข้าสู่ 10 อันดับแรกของชาร์ต Billboard 200 อีกครั้ง
การเปิดตัวสมาชิกใหม่และซิงเกิลใหม่ของ Linkin Park เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความตั้งใจที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างชัดเจน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการสูญเสีย Chester Bennington นักร้องนำผู้เป็นที่รัก แต่พวกเขาก็ยังคงรักษาฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น และมีทรัพยากรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์เส้นทางใหม่ในอุตสาหกรรมดนตรีได้
โอกาสและความเป็นไปได้ทางธุรกิจ
ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
เกร็ดความรู้ Linkin Park มีความเกี่ยวข้องกับ ESG ในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ Social และ Governance:
ด้าน Social (สังคม)
Governance (ธรรมาภิบาล)
แม้ว่า Linkin Park จะไม่ได้เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นด้าน ESG โดยตรง แต่การดำเนินงานของวงและ Music for Relief สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ ESG
Linkin Park ยุคใหม่มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จทั้งในด้านดนตรีและธุรกิจ พวกเขามีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง ทรัพยากรทางธุรกิจที่พร้อม และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับยุคสมัย อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างการยอมรับจากแฟนเพลงและการแข่งขันในอุตสาหกรรม หากพวกเขาสามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ได้ Linkin Park ก็มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่และประสบความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างแน่นอน