วันนี้ (2 มี.ค. 2565) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้นมากถึง 6.09% ขึ้นไปแตะระดับ 111.36 ดอลลาร์/บาร์เรล และก่อนหน้านี้ขึ้นไปแตะ 111.78 ระหว่างการซื้อขาย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2013
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส สหรัฐ ทะยานขึ้น 6.05% ไปแตะระดับ 109.67 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในระหว่างการซื้อขายก่อนหน้านี้ ได้พุ่งขึ้นไปถึง 110.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2011 เป็นต้นมา
"ประชาชนเริ่มให้ความสนใจต่อภาวะชะงักงันทางการค้า โดยปัญหาด้านบริการทางการเงินและการประกันภัยเพื่อการค้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกจากทะเลดำและทำให้เกิดความตื่นตระหนกด้านอุปทานน้ำมัน" นายจัสติน สเมิร์ค นักเศรษฐศาสตร์ของเวสต์แพค กล่าว
ก่อนหน้านี้ บริษัท เอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil) จากสหรัฐ ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ว่า จะยกเลิกการดำเนินงานด้านน้ำมันและก๊าซในรัสเซีย หลังรัสเซียรุกรานยูเครน โดยการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลให้เอ็กซอนต้องปิดโรงงานผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ บนเกาะซาฮาลิน ในตะวันออกไกลของรัสเซีย
การตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับ บริษัท บีพี (BP) และ รอยัล ดัตช์ เชลล์ (Shell) จากอังกฤษ ที่ประกาศระงับการดำเนินธุรกิจน้ำมันและก๊าซในรัสเซีย เช่นกัน
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้บรรดาชาติมหาอำนาจตะวันตกไม่ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อการส่งออกพลังงานโดยตรง แต่บริษัทเทรดเดอร์สหรัฐตามศูนย์กลางต่าง ๆ ทั้งในนิวยอร์กและอ่าวเม็กซิโก ต่างก็หลีกเลี่ยงการซื้อขายน้ำมันดิบของรัสเซีย โดยปัจจุบัน การส่งออกน้ำมันของรัสเซียนั้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8% ของอุปทานทั่วโลก