Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

ยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 

1 ธ.ค. 66
10:52 น.
แชร์

หลังจากครม.เมื่อวันที่ 28 พ.ย.66 มีมติอนุมัติในหลักการมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการเตรียมยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ได้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศไทยแทน 

วันนี้ (1 ธันวาคม 2566) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เรียกประชุมกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต เพื่อหารือความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และในที่ประชุมได้มีการพิจารณารายละเอียดของมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ 

 

ยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 

ยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 

  • กรมศุลกากรจะพิจารณาออกประกาศการยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้าทุกสนามบิน เพื่อส่งเสริมดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาซื้อสินค้าในประเทศ โดยกรมศุลกากรได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ในฐานะผู้ให้เช่าพื้นที่และบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด ในฐานะผู้เช่าพื้นที่ แล้วในเวลานี้

 

ปรับโครงสร้างภาษีสินค้า

  • กรมสรรพสามิตจะต้องไปดำเนินการปรับโครงสร้างภาษีสินค้าให้สอดคล้อง ซึ่งในเบื้องต้นจะพิจารณาเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องดื่ม เพื่อให้ราคาเครื่องดื่มในประเทศจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยจับจ่ายซื้อสินค้าเครื่องดื่มในประเทศได้มากขึ้น  โดยแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีสินค้าประเภทเครื่องดื่ม กรมสรรพสามิตจะพิจารณาปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มบางประเภทที่มีราคาสูง เช่น เหล้า เบียร์ และบุหรี่ เพื่อให้ราคาเครื่องดื่มในประเทศมีราคาใกล้เคียงกับประเทศอื่นที่เป็นคู่แข่งด้านการท่องเที่ยว

 

นายลวรณ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมุ่งเน้นไปที่การทำให้สินค้าและบริการในประเทศไทยมีความน่าสนใจและแข่งขันได้มากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

การยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้าเป็นมาตรการที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาใช้จ่ายเงินในประเทศไทยมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาจับจ่ายใช้สอยสินค้าในประเทศแทน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าอื่น ๆ นอกจากนี้หากเราพิจารณาลดภาษีเครื่องดื่ม ก็จะจูงใจให้นักท่องเที่ยวซื้อเครื่องดื่มตามร้านค้าในประเทศ ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจไทย และ หากโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มเป็นอัตราที่เหมาะสม จะทำให้คนไทยสามารถซื้อสินค้าเครื่องดื่มในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย” นายลวรณ กล่าว

สำหรับมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย จะเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศ โดยมาตรการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและนิยมอย่างกว้างขวาง ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น และกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้นกว่าเดิม


หุ้น AOT ลงต่ออีก 1.65% หวั่นกระทบรายได้จากคิง เพาเวอร์

ยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 

ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOTตอบรับในเชิงลบกับข่าวนี้  ปิดตลาด (30 พ.ย.66) ที่ 59.50 บาท ลดลง 1.65% จากวันก่อนหน้า มีมูลค่าซื้อขาย 3,396.68 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้น AOT ไหลลงลงราว 10 บาทต่อหุ้นแล้วจากต้นเดือน พ.ย.66 อยู่ที่ราว 68 บาท/หุ้น โดยเมื่อวันที่ 23 พ.ย.66ไหลลงแรงกว่า 3% เนื่องจากมีความวิตกกังวลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่เป็นไปตามเป้า 

มุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด  ประเมินว่ามาตรการยกเลิกข้อเสนอผลิตภัณฑ์ปลอดภาษีสำหรับผู้โดยสารขาเข้า จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อ AOT เป็นหลัก เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อรายได้สัมปทานของคิง เพาเวอร์ที่มีต่อ AOT

เพราะว่า ปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ จ่ายเงินให้ AOT ตามยอดใช้จ่ายต่อหัวที่สนามบินของ AOT จำนวน 5 แห่ง (ทุกสนามบินยกเว้นท่าอากาศยานดอนเมือง) สำหรับการขายสินค้าปลอดภาษี การคำนวณการใช้จ่ายต่อหัวจะขึ้นอยู่กับพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่กำหนดให้กับคิง เพาเวอร์

มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลให้ คิง เพาเวอร์ ขอแก้ไขสัญญา เพราะ มาตรการยกเลิกข้อเสนอผลิตภัณฑ์ปลอดภาษีของรัฐ จะส่งผลต่องยอดขายที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการดังกล่าว ทำให้ AOTอาจได้รับผลกระทบต่อรายได้สัมปทาน

สำหรับขนาดของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น บล.ทิสโก้ คาดว่าจะจำกัดอยู่บ้าง เนื่องจากส่วนใหญ่การใช้จ่ายปลอดภาษีของนักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดขึ้นที่การเดินทางออกมากกว่า ขาเข้ามาในไทย

ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

  • ปี 2563  มีรายได้รวม 33,129 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,320 ล้านบาท
  • ปี 2564 มีรายได้รวม 7,715 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 16,322 ล้านบาท
  • ปี 2565  มีรายได้รวม 16,992 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 11,087 ล้านบาท
  • 9 เดือนแรกของปี 2566  มีรายได้รวม 48,435 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,790 ล้านบาท 

ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีของ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด

  • ปี 2563  มีรายได้รวม 8,119 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1,833 ล้านบาท
  • ปี 2564 มีรายได้รวม 1,608 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 2,814 ล้านบาท
  • ปี 2565  มีรายได้รวม 17,748 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,751 ล้านบาท

 

สรุปมาตรการที่กระทรวงการคลัง28 พ.ย.66  มี 5 ประเด็น ดังนี้


มาตรการที่ 1 ภาษีและการเงินเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย

  • มุ่งเน้นไปที่การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการเงินแก่สินค้าและบริการที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อในประเทศไทย เช่น น้ำหอม เสื้อผ้า กระเป๋า เพื่อให้สินค้าไทยมีความน่าสนใจและเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น

มาตรการที่ 2: การปรับปรุงโครงสร้างและอัตราภาษีสรรพสามิต

  • มุ่งเน้นไปที่การปรับลดภาษีสรรพสามิตสินค้าและบริการบางประเภทที่มีราคาสูง เพื่อให้สินค้าและบริการเหล่านี้มีราคาที่แข่งขันได้กับประเทศอื่นที่เป็นคู่แข่งด้านการท่องเที่ยว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

มาตรการที่ 3: การยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน

  • มุ่งเน้นไปที่การยกเลิกอนุญาตให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสินค้าปลอดภาษีขาเข้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศเกิดการจับจ่ายซื้อของในประเทศแทนที่จะซื้อสินค้าจากในร้าน Duty Free ขาเข้า ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น

มาตรการที่ 4: การผ่อนปรนเวลาเปิดปิด

  • มุ่งเน้นไปที่การผ่อนปรนเวลาเปิดปิดของร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีเวลาในการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายต่อวันของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น

มาตรการที่ 5: การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว และสามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วัน

  • มุ่งเน้นไปที่การยกเว้นการตรวจลงตราฯสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่ม เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น

มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย จะเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศ โดยมาตรการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและนิยมอย่างกว้างขวาง ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น และกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้นกว่าเดิม


ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ , SET และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด

แชร์
ยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า