งานกีฬาโอลิมปิกเป็นงานที่หลายๆ คน คาดว่าจะต้องเป็นงานที่ทำเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองเจ้าภาพอย่างมหาศาล เพราะเป็นการดึงดูดให้ทั้งคนในประเทศและชาวต่างชาติหลั่งไหลกันเข้าไปชมการแข่งขันและใช้จ่ายกับโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่
แต่สำหรับเจ้าภาพโอลิมปิกในปีนี้ อย่าง ‘ปารีส’ ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อในช่วงตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมมาจนถึงปัจจุบัน (31 ก.ค. 2567) นักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้าปารีสเป็นจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จนรายได้ของร้านอาหารและร้านค้าในพื้นที่ลดลง ห้องพักทั้งโรงแรมและ AirBnB ว่างจนต้องลดราคาดึงลูกค้า และตั๋วเข้าชมการแข่งขันต่างๆ ยังเหลือล้านกว่าใบ
โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะผู้จัดการแข่งขันโอลิมปิกของเมืองปารีส เผยแก่สื่อมวลชนว่า จากตั๋วเข้าชมการแข่งขันทั้งหมด 10 ล้านใบ ปารีสจำหน่ายตั๋วไปได้ทั้งหมด 8.95 ล้านใบ ทำให้ยังเหลือตั๋วชมการแข่งขันอยู่อีกประมาณ 1.05 ล้านใบ
ทั้งนี้ จำนวนตั๋วที่จำหน่ายออกไปได้นั้นไม่ได้สะท้อนจำนวนนักท่องเที่ยวที่แท้จริง เนื่องจาก Financial Times รายงานว่า ตั๋วจำนวนหนึ่งที่มีการจำหน่ายออกไปนั้น ได้ถูกนำไปขึ้นราคา และรีเซลจนแทบไม่มีใครซื้อ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ตั๋วส่วนมากที่จำหน่ายออกไปนั้น ยังเป็นตั๋วที่ซื้อโดยประชากรที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสอยู่แล้ว ทำให้การแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าไปใช้จ่ายในเมืองได้มากเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลให้รายได้ของธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการกับการท่องเที่ยวลดลงตามไปด้วย
ในเดือนมิถุนายน การท่องเที่ยวเมืองปารีส (Paris Tourism Board) ได้ออกมาเผยการคาดการณ์ว่า จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในปารีสจะลดลงประมาณ 8% ในเดือนมิถุนายน และลดลงเกือบ 15% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
ขณะที่บริษัท ForwardKeys บริษัทให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว เผยว่า ยอดซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางมาปารีสในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนเริ่มการแข่งขันโอลิมปิกนั้นลดลงถึง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนว่านักท่องเที่ยวส่วนมากเลือกที่จะไม่เดินทางมาปารีสก่อนมีการเปิดการแข่งขัน
จำนวนนักท่องเที่ยวในปารีสที่ลดลงในช่วงโอลิมปิก ทำให้ทุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น สายการบิน โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และบริการอื่นๆ เช่น บริการถ่ายรูป ได้รับผลกระทบ
ในวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา สายการบิน AirFrance-KLM ได้เผยแก่สื่อมวลชนว่า ผู้โดยสารที่วางแผนจะเดินทางมาฝรั่งเศสในไตรมาสที่ 3 มีจำนวนลดลง และน้อยกว่าเมืองใหญ่อื่นๆ ในยุโรป และคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามของสายการบินจะลดลงถึง 150-170 ล้านยูโร จากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง
ขณะที่ สายการบิน Delta ของสหรัฐฯ ออกมาเผยคาดการณ์รายได้ของบริษัทว่า ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม รายได้ของสายการบินจะลดลงประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน จากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงในช่วงนี้
นอกจากนี้ โรงแรมและห้องพักอื่นๆ ในปารีส ยังได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยจากข้อมูลของการท่องเที่ยวเมืองปารีส ในเดือนกรกฎาคม ยอดเข้าพักห้องพักและโรงแรมในเมืองปารีส จะลดลงเหลือ 60% ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
จำนวนผู้เข้าพักที่ลดลงนั้น ได้ทำให้ทั้งโรงแรมและผู้ให้เช่า AirBnB ในปารีส ต่างต้องลดราคาค่าเช่าลงมาเพื่อเรียกลูกค้า โดยบางที่ลดลงราคาลงมามากกว่า 50% เช่น ที่พักขนาดสองห้องนอนใกล้วิหารนอเทรอดาม (Notre Dame) ที่ต้องลดค่าเช่าลงมาจาก 1,407 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 50,150 บาทต่อคืน ลงมาเหลือ 683 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 24,344 บาทต่อคืน ในสัปดาห์แรกตั้งแต่เปิดการแข่งขันเพราะหาลูกค้าไม่ได้
สำหรับคนทั่วไป การที่ปารีสมีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยลงในช่วงโอลิมปิกอาจเป็นเรื่องแปลก แต่แท้จริงแล้ว เจ้าภาพโอลิมปิกอื่นๆ เช่น ลอนดอน เอเธนส์ และแอตแลนตา ก็ประสบปัญหานี้ในระหว่างจัดการแข่งขันเช่นเดียวกัน เพราะนักท่องเที่ยวส่วนมากจะหลีกเลี่ยงไม่ไปเที่ยวช่วงโอลิมปิก เพราะกลัวคนเยอะ และความวุ่นวาย ขณะที่คนในพื้นที่ก็เลี่ยงนักท้องเที่ยวเช่นเดียวกัน ด้วยการออกไปท่องเที่ยวนอกเมืองหรือนอกประเทศ
นอกจากนี้ ทั้งสายการบินและที่พักมักจะถือโอกาสขึ้นราคาค่าตั๋วและค่าเช่า เพื่อเอากำไรจากนักท่องเที่ยวในช่วงที่มีการแข่งขัน ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากเข้าไปท่องเที่ยวในช่วงนั้นเพราะคิดว่าจะต้องจ่ายแพงกว่าปกติ
โดยในเดือนกรกฎาคม การท่องเที่ยวปารีสได้ออกมาเผยว่า ค่าห้องพักเฉลี่ยในเมืองเพิ่มขึ้นถึง 70% จากปีก่อนหน้า จาก 202 ยูโร มาเป็น 342 ยูโร ในช้วงที่มีการแข่งขันโอลิมปิก ขณะที่ข้อมูลจากเว็บไซต์จองห้องพัก Trivago เผยว่าราคาห้องพักในปารีสเพิ่มขึ้นถึง 85% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ที่พักในเมืองลีล (Lille) ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันบาสเกตบอลและแฮนด์บอลเพิ่มขึ้นถึง 131%
ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยด้านราคาแล้ว ปารีสยังมีปัจจัยเฉพาะที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะไม่เดินทางเข้าไปในช่วงที่มีการแข่งขันโอลิมปิก นั่นก็คือ การที่ปารีสจัดพิธีเปิดและการแข่งขันในเมือง ทำให้มีการตั้งด่านรักษาความปลอดภัยจำนวนมาก และมีการปิดสถานีรถไฟฟ้า ถนน และสะพาน ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ลำบากมากยิ่งขึ้น
โดยในระหว่างที่มีพิธีเปิด และมีการปิดพื้นที่รักษาความปลอดภัย ยอดขายของร้านอาหารใกล้แม่น้ำแซนลดลงถึง 50% เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวหรือลูกค้าเดินทางเข้าไปใช้บริการ
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังมีความกังวลเรื่องเหตุประท้วง เหตุไม่สงบ และการก่อการร้ายต่างๆ เพราะในเมืองปารีสมักเกิดการเดินขบวนประท้วงบ่อยครั้ง โดยก่อนที่จะมีพิธีเปิดการแข่งขัน ก็เพิ่งมีการประท้วงของสหภาพแรงงานเพื่อเรียกร้องสิทธิต่างๆ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่า กรุงปารีสจะซบเซาจากการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกไปจนจบงาน เพราะผู้ทำธุรกิจและนักวิเคราะห์บางคนมองว่า นักท่องเที่ยวอาจเพิ่มขึ้นหลังจากมีพิธีเปิด และมีการลดการรักษาความปลอดภัยแล้ว เพราะทำให้เดินทางได้สะดวกขึ้น อีกทั้ง การลดราคาของสายการบินและที่พักก็อาจจะเป็นปัจจัยดึงดูดอีกทางหนึ่ง