Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
พาณิชย์แถลงข่าวดี! ส่งออกไทย ก.ค. 67 พุ่ง 15.2% สูงสุดรอบ 28 เดือน
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

พาณิชย์แถลงข่าวดี! ส่งออกไทย ก.ค. 67 พุ่ง 15.2% สูงสุดรอบ 28 เดือน

27 ส.ค. 67
20:26 น.
|
252
แชร์

การส่งออกในเดือนกรกฎาคมกลับมาคึกคักอย่างน่าประหลาดใจ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว ตัวเลขส่งออกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้เป็นสัญญาณบวกที่ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของการส่งออกไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 

พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ตลาดส่งออกที่โดดเด่น และสินค้าดาวเด่นที่ช่วยผลักดันการเติบโต นอกจากนี้ ยังจะสำรวจความท้าทายและปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะต่อไป รวมถึง มาตรการส่งเสริมการค้าที่กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการเพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบโตนี้

img_0801

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงว่า การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 มีมูลค่า 25,720.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 938,285 ล้านบาท เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 15.2% ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 28 เดือน หรือตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565

แม้หักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออกไป การส่งออกก็ยังคงเติบโตได้ถึง 9.3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ชะลอตัวลง ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น ประกอบกับการจ้างงานและค่าจ้างที่ปรับตัวดีขึ้นในประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะในยุโรป ทำให้การบริโภคฟื้นตัวและเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย

ตลาดหลักที่กลับมาฟื้นตัวได้ดี ได้แก่ สหรัฐฯ จีน อาเซียน และสหภาพยุโรป ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ IMF ที่มองว่าเศรษฐกิจโลกจะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและยุโรป สำหรับภาพรวมการส่งออกไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 3.8% และเมื่อหักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออกไป การส่งออกก็ยังคงเติบโตได้ถึง 4.0%

img_0800

มูลค่าการค้ารวม สูงสุดรอบ 28 เดือน

มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญของภาคการส่งออก โดยมีมูลค่ารวม 25,720.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 938,285 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 27,093.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 999,755 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนกรกฎาคมขาดดุล 1,373.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 61,470 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมการค้าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกมีมูลค่ารวม 171,010.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6,129,300 ล้านบาท ซึ่งขยายตัว 3.8% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 177,626.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6,437,235 ล้านบาท ขยายตัว 4.4% ส่งผลให้ดุลการค้าในช่วง 7 เดือนแรกขาดดุล 6,615.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 307,935 ล้านบาท

ส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรไทยฟื้นตัว! ยางพารา-ข้าว-ไก่ นำทัพโต

ภาคการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่น่าพอใจในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากที่ประสบภาวะหดตัวในเดือนก่อนหน้า การเติบโตในภาพรวมนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งสินค้าเกษตรซึ่งขยายตัว 3.7% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรซึ่งมีการขยายตัวที่โดดเด่นถึง 14.6% 

สินค้าส่งออกสำคัญที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ ยางพาราที่ยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ด้วยอัตราการขยายตัว 55.4%, ข้าวที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ 15.6%, และไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูปที่กลับมาเติบโตอีกครั้งที่ 13.6%  นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปที่กลับมาเติบโตในรอบ 3 เดือนที่ 20.4%, อาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ที่ 26.6% และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ที่เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ 308.4%

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสินค้าบางรายการที่เผชิญกับภาวะหดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้งที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ 25.9%, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ที่ 6.5%, น้ำตาลทรายที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ที่ 39.1% และเครื่องดื่มที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ 10.4% ถึงแม้ว่าจะมีสินค้าบางรายการที่ประสบภาวะหดตัว แต่ภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ยังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวก โดยมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 4.0%

img_0802

ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไทยกลับมาคึกคัก!

คอมพิวเตอร์-โทรศัพท์มือถือ-เครื่องปรับอากาศ ดันยอดโต

ภาคการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 แสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยมีอัตราการขยายตัวที่ 15.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเติบโตของสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ซึ่งกลับมาขยายตัวได้ถึง 28.0% หลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโต ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ 82.6%, ผลิตภัณฑ์ยางที่กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือนที่ 13.8%, เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ที่ 34.1% และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบที่กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือนที่ 27.8%

อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกยังคงเผชิญกับความท้าทายจากสินค้าบางรายการที่ประสบภาวะหดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่กลับมาหดตัวอีกครั้งที่ 12.8%, แผงวงจรไฟฟ้าที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ที่ 8.7%, อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอดที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ 16.6% และเครื่องยนต์สันดาปภายในลูกสูบและส่วนประกอบที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ 15.0%

แม้จะมีความท้าทายดังกล่าว แต่ภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ยังคงสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตในเชิงบวก โดยมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 3.8% ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการปรับตัวและความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมไทยในการเผชิญกับสภาวะตลาดโลกที่มีความผันผวน

ส่งออกไทยทะยาน! ตลาดหลัก-รองโตฉลุย ตลาดอื่นๆ พุ่งกระฉูด

ตลาดส่งออกสำคัญของไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า โดยเฉพาะตลาดหลักอย่าง สหรัฐฯ จีน อาเซียน 5 ประเทศ (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย) กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และสหภาพยุโรป ต่างมีการขยายตัวอย่างโดดเด่น สำหรับภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ มีดังนี้

  • ตลาดหลัก: มีการขยายตัวรวม 16.2% โดยตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศ CLMV ขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ 26.3%, 17.1% และ 19.8% ตามลำดับ นอกจากนี้ ตลาดจีนและอาเซียน 5 ประเทศยังกลับมาขยายตัวได้ที่ 9.9% และ 17.8% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดญี่ปุ่นยังคงหดตัวที่ 2.5%
  • ตลาดรอง: ขยายตัวรวม 4.6% โดยมีการเติบโตในตลาดเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา รัสเซียและกลุ่ม CIS และสหราชอาณาจักร ที่ 29.5%, 4.4%, 0.5% และ 13.3% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หดตัวที่ 2.8%, 3.7% และ 6.7% ตามลำดับ

ตลาดอื่นๆ : ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญที่ 331.3%

ภาพรวมการส่งออกไทยในตลาดโลก

  • ตลาดสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งด้วยการเติบโต 26.3% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีและยานยนต์ ซึ่งช่วยให้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวถึง 13.3%
  • ตลาดจีน ฟื้นตัวกลับมาขยายตัว 9.9% โดยสินค้าหลักที่เติบโตได้แก่ ยางพารา, คอมพิวเตอร์ และเครื่องจักรกล อย่างไรก็ตาม ภาพรวม 7 เดือนแรกยังทรงตัวที่ 0.3%
  • ตลาดญี่ปุ่น ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ลดลง 2.5% โดยเฉพาะยานยนต์และเครื่องจักร ส่งผลให้ 7 เดือนแรกหดตัว 6.9%
  • ตลาดสหภาพยุโรป กลับมาเติบโต 17.1% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 นำโดยสินค้าเทคโนโลยีและยางพารา ทำให้ 7 เดือนแรกขยายตัว 6.1%
  • ตลาดอาเซียน ฟื้นตัวเช่นกัน ขยายตัว 17.8% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูปและอัญมณี แต่ภาพรวม 7 เดือนแรกยังทรงตัว
  • ตลาด CLMV ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง 19.8% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นำโดยน้ำมันและยานยนต์ ส่งผลให้ 7 เดือนแรกขยายตัว 8.6%
  • ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวโดดเด่น 29.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นำโดยเคมีภัณฑ์และพลาสติก ทำให้ 7 เดือนแรกเติบโต 9.0%
  • ตลาดออสเตรเลีย หดตัว 2.8% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเฉพาะยานยนต์ แต่ภาพรวม 7 เดือนแรกยังเติบโต 9.6%
  • ตลาดตะวันออกกลาง กลับมาหดตัว 3.7% โดยเฉพาะยานยนต์ แต่สินค้าเกษตรบางรายการเติบโต ส่งผลให้ 7 เดือนแรกหดตัว 0.6%
  • ตลาดแอฟริกา หดตัว 6.7% โดยเฉพาะยานยนต์และเครื่องจักร แต่สินค้าเกษตรบางรายการเติบโต ส่งผลให้ 7 เดือนแรกหดตัว 4.9%
  • ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ 4.4% นำโดยยางพาราและสินค้าเทคโนโลยี ส่งผลให้ 7 เดือนแรกเติบโต 10.2%
  • ตลาดรัสเซียและ CIS กลับมาเติบโตเล็กน้อยที่ 0.5% นำโดยยานยนต์ แต่ภาพรวม 7 เดือนแรกยังเติบโต 8.3%

การขยายตัวที่แข็งแกร่งในตลาดส่งออกหลักและรองเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยในการตอบสนองต่อพลวัตของเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว

ส่งออกไทย ฟื้นตัวในหลายตลาด แต่ยังมีความท้าทาย ก.พาณิชย์เร่งส่งเสริมการค้า

สำหรับตลาดสหราชอาณาจักร ฟื้นตัวกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 11 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 13.3% สินค้าที่โดดเด่นในการเติบโต ได้แก่ ไก่แปรรูป, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าบางรายการที่หดตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ, และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ส่งผลให้ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2567 ยังคงหดตัวอยู่ที่ 11.5%

การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์

กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการสำคัญหลายอย่างในเดือนกรกฎาคมเพื่อส่งเสริมการส่งออกของไทย:

  1. บุกตลาดข้าวในฟิลิปปินส์: กรมการค้าต่างประเทศนำคณะผู้ส่งออกข้าวไทยเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมในกรุงมะนิลา ภายใต้แนวคิด "Premium Thai Rice with Authentic Thai Food" พร้อมลงนาม MOU ซื้อขายข้าว มูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในฟิลิปปินส์ได้
  2. ระบายลำไยสู่ตลาดต่างประเทศ: กรมการค้าภายในเร่งผลักดันการส่งออกลำไยไปยังอินโดนีเซีย อินเดีย และจีน โดยประสานงานด้านการขนส่งและตู้สินค้าเพื่อให้การส่งออกเป็นไปอย่างราบรื่น
  3. หารือความร่วมมือไทย-จีน: ในเวที "ซับ-คอมมิทตี ไทย-จีน" ครั้งที่ 3 ทั้งสองฝ่ายมุ่งเน้นส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการผลักดันให้จีนเปิดตลาดสินค้าสำคัญของไทย และพัฒนาช่องทางการขนส่งเพื่อขยายการค้าระหว่างกันอย่างยั่งยืน

แนวโน้มส่งออกไทยปี 2567 ฟื้นตัวอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความไม่แน่นอน

กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยในปี 2567 จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมถึงภาคการผลิตอุตสาหกรรมทั่วโลกที่กำลังปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลยังเป็นแรงหนุนสำคัญให้สินค้าที่เกี่ยวข้องเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันการส่งออก โดยเฉพาะความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ และความไม่แน่นอนทางนโยบายเศรษฐกิจและการค้าหลังการเลือกตั้งในหลายประเทศสำคัญ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะจับตาสถานการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและปรับกลยุทธ์การส่งเสริมการค้าให้เหมาะสมต่อไป

แชร์

พาณิชย์แถลงข่าวดี! ส่งออกไทย ก.ค. 67 พุ่ง 15.2% สูงสุดรอบ 28 เดือน