“PepsiCo Beverages North America” บริษัทอาหารและเครื่องดื่มในสหรัฐ เจ้าของแบรนด์น้ำดำ “เป๊ปซี่” และมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ “เลย์” ก็เตรียมงัดไม้เด็ดในการ “ขึ้นราคาสินค้า” มาต่อสู้กับต้นทุนที่สูงขึ้นเช่นกัน
Hugh Jonston รองประธานและประธานฝ่ายการเงินของ PepsiCo ให้สัมภาษณ์ในรายการ Yahoo Finance Live เกี่ยวกับแผนในการขยับขึ้นราคาของสินค้าในเครือ PepsiCo ว่า
“ด้วยระดับเงินเฟ้อ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขนาดนี้ พวกเราต้องเตรียมปรับราคาขึ้นอย่างแน่นอน เราลงทุนปริมาณมหาศาลในเรื่องการสร้างแบรนด์ และนวัตกรรมการผลิต”
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยัง เชื่อว่าผู้บริโภคจะยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อซื้อสินค้าของ PepsiCo
“โลกใบนี้คอนข้างเต็มไปด้วยความเครียด ผมคิดว่าผู้บริโภคคงจะยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย เพื่อให้ได้เพลิดเพิลนกับผลิตภัณฑ์ของเรา คุณจะได้เห็นราคาปรับสูงขึ้นเล็กน้อย”
โดย Hugh ได้ประมาณราคาสินค้าที่จะปรับขึ้นในปีนี้ ว่าอาจปรับขึ้นสูงสุด 10% โดยคาดการณ์จากสถานการณ์ปัจจุบัน
กลุ่มธุรกิจในเครือของ PepsiCo เริ่มได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อผ่านทางต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น “ฟริโต เลย์” ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวเลย์ และชีโตส ต้องรับภาระ น้ำมันประกอบอาหารและค่าบรรจุภัณฑ์ที่มีราคาสูงขึ้น ฝั่ง เครื่องดื่ม เองก็ต้องประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของ ต้นทุนค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง รวมไปถึง ค่าโฆษณา ที่เพิ่มขึ้นด้วย
และในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์บางอย่างของ PepsiCo ในสหรัฐ ได้ปรับขึ้นราคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยอดขายในปีที่ผ่านมาของ PepsiCo ในสหรัฐ สูงขึ้นจากปีก่อน 11.9% จากความต้องการบริโภค เครื่องดื่มไร้น้ำตาล แต่การเติบโตของ ยอดขายเครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” และบริษัทขนมขบเคี้ยวในเครือ เจ้าของเลย์อย่าง “ฟริโต เลย์” กลับโตเพียงแค่ 4% เท่านั้น โดยใน ละตินอเมริกา ยอดขายสินค้ารวมทุกกลุ่ม เติบโต 17%
แบรนด์-ของอาหารและเครื่องดื่ม ที่อยู่ในเครือของ Pepsico มีมากมาย หมวขนมและอาหาร อาทิ เลย์ ชีโตส โดริโทส ข้าวโอ๊ตเควกเกอร์ หมวดเครื่องดื่ม เช่น เป๊ปซี มิรินด้า เซเว่นอัพ ลิปตัน เกเตอเรด ทรอปิคานา เมาเทนดิว อควาฟิน่า รวมไปถึงกาแฟแบบขวดของสตาร์บัคส์ด้วย
สำหรับในประเทศ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเป๊ปซี่อย่างเป็นทางการคือ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท เป๊ปซี่โค อิงค์ จากสหรัฐ และบริษัท ซันโทรี่ ประเทศญี่ปุ่น จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ในเครือ เป๊ปซี่ โค และ ซานโทรี่ ในประเทศไทย
ซึ่งปัจจุบัน บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงว่า มีแผนจะขึ้นราคาตามบริษัทแม่ในสหรัฐหรือไม่
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 .พ. ที่ผ่านมา บริษัทเชนร้านกาแฟระดับโลก “สตาร์บัคส์” ก็ได้ประกาศ เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าเมนูต่างๆ ในปีนี้ พร้อมกับลดค่าใช้จ่ายบางส่วน เพื่อชดเชย ต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับ ภาวะเงินเฟ้อ การระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และการขาดแคลนแรงงาน
ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ เป็นหนึ่งเหตุผลใหญ่ที่ทำให้ภาคธุรกิจ เริ่มพิจารณาการปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริการ เพื่อรักษาผลกำไรของบริษัทเอาไว้ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ก.พ.) กระทรวงแรงงานสหรัฐ ได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือ ดัชนีเงินเฟ้อเดือน ม.ค. อยู่ที่ 7.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 7% ในเดือนก่อนหน้า และยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 7.3% โดยนับเป็น ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี