ราคาทองคำยังคงมีโอกาสพุ่งทะยานต่อ แม้จะย่อตัวลงเล็กน้อยหลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,483 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ วายแอลจี (YLG) มองว่าราคาทองคำกำลังสร้างฐานที่แข็งแกร่งบริเวณ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และเมื่อการสร้างฐานเสร็จสิ้น ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยยังคงเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ไว้ที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ โดย CME FedWatch Tool ชี้ว่าเฟดอาจเริ่มวงจรดอกเบี้ยขาลงในการประชุมเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงตึงเครียด และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกเหนือจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ยังมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 3 ประการที่ส่งเสริมความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
1 ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคะแนนนิยมของนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ใกล้เคียงกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดียังคงไม่สามารถคาดการณ์ได้
2 สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงตึงเครียดในหลายภูมิภาค และความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและยุโรป ซึ่งอาจรวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
3 ประการสุดท้าย แนวโน้มการลดบทบาทของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (De-Dollarization) ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าความต้องการทองคำจากจีนอาจชะลอตัวลงบ้างเนื่องจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ แต่ข่าวดีจากอินเดียที่เตรียมลดอัตราภาษีนำเข้าทองคำจาก 15% เหลือ 6% ก็เป็นอีกปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นความต้องการทองคำในตลาดโลก
สำหรับนักลงทุนที่สนใจทองคำในช่วงเวลานี้ YLG ขอแนะนำให้เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดทองคำทั่วโลก กลยุทธ์ที่เหมาะสมในขณะนี้คือ การรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 2,383-2,368 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และเมื่อราคาทองคำมีการฟื้นตัวกลับขึ้นไป ให้พิจารณาขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 2,422-2,440 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
สำหรับราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศไทย คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 40,850-40,600 บาทต่อบาททองคำ (แนวรับ) และ 41,500-41,800 บาทต่อบาททองคำ (แนวต้าน) โดยอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยน 36.12 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 เวลา 15.00 น.
แม้ราคาทองคำจะมีความผันผวนตามปัจจัยต่างๆ แต่แนวโน้มในระยะยาวยังคงเป็นไปในทิศทางบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการลงทุนในทองคำ