กระทรวงการคลัง ร่วมมือกับ ตลท. และ ก.ล.ต. จ่อเสนอขาย ‘กองทุนรวมวายุภักษ์ 1’ ประเภท ก. แก่ประชาชนและนักลงทุนรายย่อยในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 หวังดึงการเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยไทย และเพิ่มทางเลือกการออมเงินแก่ประชาชนในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ
วันนี้ (12 ส.ค. 67) นาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกับ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) และ ศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แถลงข่าวการเสนอขาย ‘กองทุนรวมวายุภักษ์ 1’ ประเภท ก. แก่นักลงทุนทั่วไป
โดยในเบื้องต้น กระทรวงการคลัง คาดว่า กองทุนรวมดังกล่าวจะมีมูลค่ารวมไม่เกิน 1 แสน - 1.5 แสนล้านบาท และจะเริ่มเสนอขาย และนำเข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมแก่ประชาชน สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ และดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยกลับมา
ตลาดทุนไทยซบเซา หวัง ‘วายุภักษ์’ ดึง sentiment
นาย พิชัย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ตลาดทุนไทยค่อนข้างผันผวน เนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ เช่น ความผันผวนของตลาดการเงินโลก และปัญหาหนี้ครัวเรือนภายในประเทศ
โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวมมูลค่ากว่า 5.3 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึง มูลค่าการระดมทุนของตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้มีอัตราที่ชะลอตัวลง สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจที่ไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม แม้มูลค่าการลงทุนในตลาดทุนไทยจะลดลง กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ประชาชนและนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกิน และมองหาการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคงในระยะยาวอยู่ เพียงแต่ขาดความเชื่อมั่นในตลาดทุนและเศรษฐกิจไทย และยังไม่เจอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับความเสี่ยงอยู่
ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้วางแนวทางในการระดมทุนผ่าน “กองทุนรวมวายุภักษ์ 1” เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. และนำหน่วยลงทุนดังกล่าวเข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
โดย นาย ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานของกองทุนรวมวายุภักษ์ กล่าวว่า ในวันนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบเกี่ยวกับการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เป็นที่เรียบร้อย
ในขั้นตอนถัดไปจะมีการสำรวจความเห็นของนักลงทุนสถาบันเพื่อกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และอัตราผลตอบแทนขั้นสูง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดำเนินการเสนอขายหน่วยลงทุน ช่องทางการเสนอขายหน่วยลงทุน และสัดส่วนการเสนอขายต่อผู้ลงทุนแต่ละประเภท และเปิดเผยรายละเอียดในหนังสือชี้ชวนก่อนการเสนอขายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
กองทุนวายุภักษ์ 1 คืออะไร? เงื่อนไขเป็นอย่างไร? ผลตอบแทนเท่าไหร่?
กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เป็นกองทุนรวมประเภทกองทุนเปิด และกองทุนรวมผสมที่ไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุน ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อบริหารจัดการหลักทรัพย์ที่รัฐถือครองเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวและมั่นคง โดยประกอบไปด้วยหน่วยลงทุน 2 ประเภท คือ
- หน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งเป็นหน่วยลงทุนที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่าทั้งหมดประมาณ 100,000-150,000 ล้านบาท และมีระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี
- หน่วยลงทุนประเภท ข. ซึ่งเป็นหน่วยลงทุนที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือ มีมูลค่าทั้งหมดประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลจากกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กว่า 40,000 ล้านบาท
ดังนั้น หน่วยลงทุนที่นักลงทุนทั่วไป คือ นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน สามารถลงทุนได้ คือ หน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งจะมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทุน และเลือกหลักทรัพย์ในการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน
โดยในเบื้องต้น กองทุนวายุภักษ์จะเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งแบบเชิงรุก (Active Investment) และแบบเชิงรับ (Passive Investment) โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีผลตอบแทนที่ดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
สำหรับผลตอบแทน ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินปันผลในแต่ละปีตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุนฯ แต่ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และไม่เกินกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นสูง ซึ่งจะเป็นอัตราคงที่ตลอด 10 ปี และจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งในรูปแบบของเงินสด
ทำไมกองทุนวายุภักษ์จึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายย่อย?
นาย ภากร กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนวายุภักษ์น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายย่อย เพราะกองทุนวายุภักษ์มีกลไกคุ้มครองเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. โดยจะมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินลงทุนตามแนวทางการชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็น waterfall คือ ได้สิทธิก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีการกำหนดสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนฯ ต่อเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. และมาตรการต่างๆ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. หากสัดส่วนดังกล่าวลดลง
ดังนั้น หากผลตอบแทนจริงในแต่ละปีน้อยกว่าขั้นต่ำที่กำหนด กลุ่มนักลงทุน ก.จะยังได้รับผลตอบแทนตามขั้นต่ำที่กำหนดไว้อยู่ โดยผลตอบแทนที่นำมาเติมนั้นจะเป็นส่วนของหน่วยลงทุน ข. ทำให้ผลตอบแทนมีความแน่นอนมั่นคง คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะได้รับท่ามกลางสภาวะตลาดทุนที่กำลังมีความผันผวนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ นาย ภากร ยังมองว่า นักลงทุนรายย่อยยังมีโอกาสได้ upside จากผลตอบแทน เพราะภายใต้กองทุนวายุภักษ์นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามจริงจากผลประกอบการบริษัท ทำให้หากผลตอบแทนจริงมากกว่าขั้นต่ำที่กำหนด นักลงทุนก็จะได้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่เกินระดับสูงสุดที่กำหนดไว้
ด้าน ศ.ดร.พรอนงค์ กล่าวว่า ก.ล.ต. มีบทบาทสำคัญในการดูแลและส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างมั่นคงมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน สนับสนุนการลงทุนในกองทุนรวม มีมาตรการให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนอย่างโปร่งใส เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบ และมีการตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการทุจริตและการกระทำที่ไม่เป็นธรรม ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวม เพื่อให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าใจและตัดสินใจลงทุนได้อย่างถูกต้อง
โดย ก.ล.ต.พร้อมให้การสนับสนุน กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เพื่อให้สามารถระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไปผ่านการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมถึงทบทวนกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนของกองทุนฯ