ภาพรวมตลาดสินทรัพย์การลงทุนทั่วโลกวันนี้มีความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนรอบที่จะถึงในเดือนเดือนมิ.ย. นี้
แม้ประธานเฟดนายเจอโรม พาวเวล ส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 0.75% หลังจากผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(FOMC) ของเฟดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา มีมติปรับขึ้น 0.5% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งมากสุดของเฟดนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นปัจจัยสร้างไม่ไม่นอน กดดันต่อภาพรวมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นทั่วโลกและคริปโทเคอร์เรนซีให้ราคาร่วงลงอย่างหนัก
ขณะที่ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนัก โดยดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75% ในการประชุมเดือนหน้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group สะท้อนว่านักลงทุนให้น้ำหนักสัดส่วน 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐดิ่งลง 7.5% ในไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2490 หลังจากขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 4 ปี 2564
ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 200,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2564
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้มแกว่งตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ที่ปรับตัวลดลงหนักกว่า 1,000 จุด เพราะกดดันจากทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจต้องใช้ยาแรงด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75%
ในการประชุมครั้งต่อต่อไปในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเกินระดับ 3% เป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี ยังเป็นปัจจัยที่กดดันอย่างต่อเนื่อง