Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
วิจัยชี้คนอายุ 15-24 ปีมีความสุขลดลง ตัวการคือ “โซเชียลมีเดีย”
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

วิจัยชี้คนอายุ 15-24 ปีมีความสุขลดลง ตัวการคือ “โซเชียลมีเดีย”

12 มี.ค. 68
11:59 น.
|
271
แชร์

หนุ่มสาวยุคใหม่ไม่มีความสุขกับชีวิตอีกแล้วหรือ? อาจไม่ใช่แค่คิดไปเอง เมื่อรายงาน The World Happiness Report ปี 2024 ชี้ให้เห็นว่า วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี เผชิญกับความสุขที่ลดลงอย่างรวดเร็วรุนแรง ทั้งๆ ที่ช่วงวัยนี้ควรจะเป็นช่วงวัยที่มีความสุขในชีวิต 

ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 58 ของโลกจาก 143 ประเทศ และอันดับที่ 7 ประเทศในเอเชียด้วยคะแนน 5.976 คะแนน คะแนนความสุขแต่ละประเทศนั้นวัดจาก 6 เกณฑ์: GDP ต่อตัว, อายุขัยของประชากรสุขภาพดี, การสนับสนุนทางสังคม, การมีสิทธิเสรีภาพ, ความเอื้อเฟื้อ, และความโปร่งใส

นอกจากนี้ National Bureau of Economic Research ซึ่งอยู่ในสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2025 ชื่อว่า Declining life satisfaction and happiness among tongue adults in six English speaking countries หรือ ความสุขและความพึงพอใจในชีวิตลดลงในกลุ่มคนวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นใน 6 ประเทศผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ที่สนับสนุนข้อมูลในทางเดียวกัน

แม้ว่ารายงานดังกล่าวถูกจัดทำขึ้นใน 6 ประเทศผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และไอร์แลนด์ แต่ด้วยวิถีชีวิตแบบโลภาภิวัตน์ที่ทำให้การดำเนินชีวิต ในแต่ละมุมโลกเชื่อมต่อกันใกล้ชิด เราจึงอาจมองสาเหตุที่ทำให้ความสุขในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น (ช่วงอายุ 12-25 ปี) ลดลงจากประเทศเล่านี้และย้อนมองประเทศไทยของเราได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานในหัวข้อใกล้เคียงกันจากพื้นที่อื่นๆ ของโลกที่สนับสนุนการลดลงของความสุขในวัยวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นเช่นกัน


คนหนุ่มสาวเศร้ากว่าจริงหรือ?

ไม่จริง” คือคำตอบของพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศ World Happiness Report 2024 ยังคงชี้ว่า คนช่วงวัย 15-24 ยังคงมีระดับความสุขสูงกว่าคนอายุมากกว่า 25 เพียงแต่ช่องว่างของคนสองวัยนั้นแคบลงเรื่อยๆ กล่าวคือ วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นในยุคนี้มีความสุขน้อยกว่าวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นยุคก่อน แต่ยังมีความสุขมากกว่าคนสูงวัยกว่าในปัจจุบัน รายงานนี้ชี้ว่า เทรนด์ความสุขที่ลดลงในคนช่วงวัย 15-24 นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2019 เมื่อโลกเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้คำตอบยังเป็น “ไม่ใช่ทุกที่” เพราะความสุขของคนช่วงวัย 15-24 ที่ลดลงนั้นเกิดขึ้นมากกว่าในอเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยุโรปตะวันตก ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ กลับกันระดับความสุขของวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น 15-24 เติบโตในทิศทางที่ดีกว่าใน แอฟริกาใต้สะฮารา ยุโรปกลางและตะวันออก ละตินอเมริกาและหมู่เกาะแคริบเบียน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้รายงาน  Declining life satisfaction and happiness among tongue adults in six English speaking countries เผยให้เห็นว่าผู้หญิงวัย 15-24 ใน 6 ประเทศผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่รายงานศึกษามีระดับความสุขและความพึงพอใจในชีวิตต่ำกว่าผู้ชายอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการศึกษาปัจจัยที่อาจส่งผลต่อระดับความสุขที่ลดลงและสภาพจิตใจคนวัยเยาว์ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะโลกตะวันตกเป็นตัวอย่างที่ดีที่เราสามารถนำมาปรับใช้และเตรียมตั้งรับหากเทรนด์ความสุขลดในวัยหนุ่มสาวเกิดขึ้นกับเรา 


อินเทอร์เน็ต ตัวการฉุดกราฟความสุขร่วงกราว

งานวิจัยพบว่า แม้โควิด-19 จะทำให้ระดับความสุขในกลุ่มคนวัยเยาว์ลดต่ำลง แต่การแพร่ระบาดเพียงมาทำให้เทรนด์ที่ดำเนินมาก่อนหน้าแย่ลงเท่านั้น ในสหรัฐฯ การเพิ่มขึ้นของโรคทางจิตเวชเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2012 พร้อมการเพิ่มขึ้นของการใช้สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดีย และมีข้อมูลคล้ายคลึงกันในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเช่น ออสเตรเลีย แคนาดา นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์


เดวิด จี. บลานชฟลาวเวอร์ ผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ กล่าวกับสำนักข่าว Al Jazeera ว่า “อินเทอร์เน็ตคือ ‘คู่อริ’ ที่เราต้องโทษ ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว พอเหมาะพอดีกับกับข้อเท็จจริงตรงนี้”

การสำรวจปี 2024 ของ Pew Research พบว่า 3 ใน 4 ของวัยรุ่นอเมริกันรู้สึกมีความสุขและสงบเมื่อไม่ใช้สมาร์ทโฟน และรายงานยังพบว่าวัยรุ่นชาวอังกฤษมีความสุขน้อยที่สุดในยุโรป อันมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย 

อีกหลักฐานความเกี่ยวโยงของ “ความสุข” และ “โซเชียลมีเดีย” ที่เติบโตสวนทาง แสดงอยู่ในรายงานอีกฉบับของบลานชฟลาวเวอร์ ชื่อ The Mental Health of the Young in Africa หรือสุขภาพจิตของคนวัยเยาว์ในแอฟริกา ที่ชี้ว่าราวครึ่งหนึ่งของประชากรในแอฟริกาไม่เคยใช้อินเตอร์เน็ตมาก่อน และคนที่ใช้มีแนวโน้มจะมี “ปัญหาสุขภาพจิต” มากกว่า 

นอกจากนี้นักวิจัยเจ้าของรายงานยังชี้ว่าคนวัยกลางคนยุคนี้ที่ใช้สมาร์ทโฟนมีระดับความสุขต่ำกว่า คนวัยกลางคนในยุคก่อนที่ไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนอีกด้วย


โซเชียลมีเดียทำร้ายใจเรายังไงบ้าง

บทความจากศูนย์การแพทย์ดาวิส

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ปี 2024 อธิบายความเชื่อมโยงระหว่างการใช้โซเชียลมีเดียและปัญหาสุขภาพจิต บทความจาก UC ชี้ว่า การใช้โซเชียลมีเดียเพิ่มความรู้สึกความกังวลและภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น

ธรรมชาติที่ “น่าเสพติด” ของโซเชียลมีเดียกระตุ้นสมองส่วนระบบรับรางวัลให้ปล่อยสารโดพามีน หรือสารแห่งความรู้สึกดีออกมา บทความชี้ว่าเมื่อเราได้ “ไลก์” หรือ “คอมเมนท์” บนโซเชียลมีเดีย การหลั่งสารดังกล่าวจะทำงาน แต่หากไม่ได้หรือได้น้อยลง อาจส่งผลกับ “ความรู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ”

ฟิลเตอร์ก็มีผล เพราะการให้ความสำคัญกับการเสนอภาพลักษณ์ภายนอกบนโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายแพลตฟอร์มมี “ฟิลเตอร์” เพื่อปรับแต่งภาพลักษณ์ การใช้ฟิลเตอร์มากเพื่อกลบความไม่สมบูรณ์แบบอาจสร้าง “ภาพมายาที่ผิด” อันนำมาสู่การหมกหมุ่นกับภาพลักษณ์และไม่พอใจในตนเองได้

อีกสิ่งที่โซเชียลมีเดียทำให้หลายคนกลัวคือ “ความกลัวถูกหลงลืม” เพราะหนึ่งในข้อดีของโซเชียลมีเดียคือการที่เราสามารถติดต่อครอบครัวและเพื่อนได้มากขึ้น แต่ก็ยังทำให้เราเห็นว่าพวกเขามีชีวิตดีกว่าเราได้ด้วย บทความชี้ว่า “ไฮไลต์” บทบางแพลตฟอร์มอนุญาตให้เราสามารถนำเสนอส่วนที่ดีที่สุดได้ แต่การที่เราสามารถเห็นไฮไลท์ของคนอื่น ซึ่งก็คือส่วนที่ดีที่สุดที่เขาเลือกสรรมาแล้วนั่นล่ะ อาจกระตุ้นความเครียดและความวิตกกังวลให้เราได้

สาเหตุร้ายที่โซเชียลมีเดียสร้างผลกระทบทางใจให้เราที่รายงานของ UC นำเสนอคือ การรังแกบนโลกออนไลน์ (cyberbullying) ในปี 2020 44% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในสหรัฐเผยว่าพวกเขาเคยเผชิญกับการรังแกบนโลกออนไลน์ หรือการที่ใครคนหนึ่งทำร้าย รบกวน หรือทำให้อีกบุคคลรู้สึกไม่สบายใจอย่างจงใจและซ้ำเป็นแบบแผน การรังแกบนโลกออนไลน์สามารถสร้างผลกระทบร้ายแรงต่อความึงพอใจในตนเองและสุขภาพจิตได้ 

บทความเสนอวิธีการใช้โซเชียลมีเดียและดูแลจิตใจไปพร้อมกันด้วย 3 วิธีได้แก่: การตั้งเวลาการใช้งานโซเชียลมีเดีย ซึ่งสามารถทำได้บนโทรศัพท์มือถือของเรา, จัดการใช้โซเชียลมีเดียเพียงบางช่วงเวลาที่เหมาะสมกับเรา, และบริหารเพื่อนหรือคนที่เราติดตาม และกันคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ออกไป นอกจากนี้บทความยังเสนอให้เราหากิจกรรมและแหล่งที่มาของความสุขอื่นนอกเหนือจากโลกออนไลน์อีกด้วย 


แต่อินเทอร์เน็ตไม่ใช่สาเหตุเดียว

แน่นอนว่าการใช้อินเตอร์เน็ตไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ดึงกราฟความสุขของคนหนุ่มสาวให้ลดต่ำลง รายงานยังชี้ว่า ความยากลำบากทางเศรษฐกิจและความอ้างว้างทางจิตใจอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผล

กลุ่มคนที่กราฟความพึงพอใจและความสุขลดลงมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 12-25 ปี หลายคนต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้าและความทุกข์ทางใจ อันสืบเนื่องมาจากสังคมยุคหลังโควิด สภาพสังคมแบบที่ไม่เคยมีใครคาดการณ์มาก่อน เมื่อมาผสมรวมกับเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ดูหมือนกับว่าคนรุ่นใหม่จะสุขน้อยกว่าคนรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด

“อาจมีปัจจัยทางวัฒนธรรมที่มีผลทางลบต่อความพึงพอใจในชีวิตและมุมมองทางสังคม อย่างปฏิสัมพันธ์ทางสังคมแบบตัวต่อตัวที่ลดลง การใช้โซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น และความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่พุ่งสูงขึ้น” รายงานกล่าว

แชร์
วิจัยชี้คนอายุ 15-24 ปีมีความสุขลดลง ตัวการคือ “โซเชียลมีเดีย”