‘AIS’ จึงประกาศความร่วมมือกับ ‘Oracle Alloy’ ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลก เปิดตัว ‘AIS Cloud’ บริการคลาวลด์ระดับ Hyperscale Cloud ที่แรกและแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ ‘ไทย’ จะเป็นเจ้าของ Hyperscale Cloud ที่ใช้ภายในประเทศ ด้วยมูลค่าการลงทุนมูลค่าขั้นต่ำ 8,000 ล้านบาท และอาจสูงถึง 10,000 หมื่นล้านบาท
โดย AIS Cloud จะเปิดพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 1/2568 สำหรับองค์กรทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ สามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ของ Oracle (OCI) ที่มีมากกว่า 100 บริการ รวมถึง ความสามารถด้าน AI ซึ่งจะตอบโจทย์ ดังนี้ :
- เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย: โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและแอปพลิเคชันที่ทำงานบนคลาวด์ จะสามารถทำให้ไทยสามารถก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแข่งในระดับโลกได้ ผ่านบริการ Hyperscale Cloud
- การทรานสฟอร์มด้านดิจิทัลและแรงงาน: มีการถ่ายทอดความรู้ในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อให้แรงงานมีทักษะ และพร้อมทราสฟอร์มด้วย
- ที่อยู่ของข้อมูล: ข้อมูลภายใต้ Hyperscale Cloud ทั้งหมดจะอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นความลับ ซึ่งมีการปรับแต่งให้สอดคล้องกับกฎหมายในประเทศไทยด้วย
ทั้งสามประการนี้ สอดคล้องกับการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ด้วยระบบ และบริการ Sovereign Cloud ที่มีความปลอดภัย และการปกป้องข้อมูลตามข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศไทย รวมถึงความพร้อมในการทำระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล ในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย เพื่อให้ใช้ข้อมูลที่สำรองไว้มาทำงานต่อได้ทันที
การเป็นผู้นำด้านเครือข่ายของ AIS
กว่า 34 ที่ AIS เปิดให้บริการมา บริษัทได้มุ่งพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัลเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกับกลุ่มผู้บริโภคและลูกค้าองค์กร ผ่านการพัฒนาและเปิดตัวบริการดิจิทัลทั้งหลาย ที่ช่วยส่งเสริมชีวิตของคนไทยให้เข้าใกล้โลกดิจิทัลมากขึ้น นับตั้งแต่ปี 2016 ที่มีการเปิดตัว ‘AIS Business Cloud’ และ ‘โซลูชั่นด้านไอที’ รวมทั้งในปี 2020 ที่ชนะการประมูลเครือข่าย 5G
ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลได้เน้นย้ำถึงการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง AIS จึงนำศักยภาพโครงข่ายของบริษัท ร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย ให้สามารถทำดิจิทัลทรานสฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับขีดความสามารถในสร้างการเติบโต ที่จะนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า ตามรายงานของ GlobalData กลุ่มธุรกิจในตลาดไอซีทีองค์กรไทยที่จะมีการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มคลาวด์ โดยตั้งแต่ปี 2022-2027 คาดว่าจะมีการเติบโตสูงถึงปีละ 23% และในขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าที่ AIS ให้ความสำคัญในตอนนี้ คือ ลูกค้าระดับองค์กร ที่ปัจจุบัน AIS มีลูกค้าระดับองค์กรกว่า 75% ของประเทศ
ปัจจุบัน เทคโนโลยีคลาวด์ เข้ามามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร AIS จึงทำงานร่วมกับ Oracle ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ระดับโลก เพื่อให้ประเทศไทยมีบริการระดับ Hyperscale Cloud เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกผ่านบริการ AIS Cloud บน AIS Data Center
โดยบริการ AIS Cloud ช่วยให้การทำดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชันมีประสิทธิภาพทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์กรดังกล่าวให้มีศักยภาพพร้อมรับมือทุกโอกาส ความท้าทาย และการแข่งขัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดึงดูดนักลงทุน และติดสปีดเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยให้มีแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
Oracle เล็งเห็นถึงศักยภาพของไทย
Oracle ดำเนินการในประเทศไทยมานานกว่า 30 ปี เนื่องจากไทยเป็นตลาดสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งมีทรัพยากรจำนวนมาก บริษัทจึงต้องการปฏิวัติประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลได้ โดยเฉพาะกับบริการคลาวด์ภายในประเทศ ให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพสูงภายใต้ขอบเขตข้อบังคับทางกฎหมายของประเทศ เพื่อตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยของข้อมูล
นายการ์เร็ตต์ อิลจ์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ของ Oracle กล่าวว่า ความร่วมมือ Oracle Alloy กับ AIS จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมของประเทศ ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ AIS กลายเป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น
พร้อมทั้งยังนำเสนอ Sovereign Cloud และความสามารถด้าน AI ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ ภายข้อกำหนดด้านกฎหมายด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ AIS สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ของ AIS ที่เป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัลในไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดภายในประเทศ ทำให้ AIS สามารถส่งมอบบริการที่เหมาะสมต่อลูกค้าแต่ละรายที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ด้าน นางสาวแดฟนี่ ชุง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริการคลาวด์และซอฟต์แวร์ IDC เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวว่า IDC คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้าน Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นปีละ 31.5% ต่อปี สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากการสำรวจด้านคลาวด์ในพื้นที่ พบว่า 19% ขององค์กรคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายสำหรับ Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คลาวด์แบบผสมผสาน (Hybrid Cloud) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยหน่วยงานกำกับดูแลและกฎระเบียบ รวมทั้งความต้องการที่จะทำให้กระบวนการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น