เราอาจจะรู้สึกว่า บนโลกใบนี้ บางคนก็เกิดมามีความสุขมากกว่าคนอื่น แต่ไม่ว่าคุณจะมีนิสัยอย่างไร จะเคร่งขรึม หรือร่าเริง แต่ทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและแนวคิดเพื่อดึงความสุขเข้ามาในชีวิตได้ และนี่คือเคล็ดลับที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าจะสามารถทำให้คุณมีความสุขเพิ่มขึ้นในปี 2025 นี้ได้
มิตรภาพเป็นประโยชน์ต่อคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในวัยผู้สูงอายุ ที่มิตรภาพกลายเป็นแหล่งความสุขที่สำคัญมากขึ้น แม้ว่าผู้สูงอายุมักจะลดขนาดสังคมของตนเพื่อใช้เวลากับคนที่รู้จักกัน แต่การเปิดรับมิตรภาพใหม่ๆ ยังคงเป็นแนวคิดที่ดี เนื่องจากมิตรภาพให้อะไรบางอย่างที่แตกต่างจากความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งบางครั้งอาจมาจากความจำเป็น
ความพยายามรักษามิตรภาพนั้นคุ้มค่า เพราะไม่ได้มีผลดีต่อเพียงแค่สุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการทำงานของสมองและสุขภาพร่างกายอีกด้วย
เราอาจจะคุ้นหูกับศัพท์ภาษาอังกฤษ Compassion หรือความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของมิตรภาพที่แท้จริง และช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งมิติและคำศัพท์ที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก นั่นคือ "Confelicity" แปลว่า "การแบ่งปันความสุขร่วมกัน"
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า การที่เราแสดงออกว่าเราสนับสนุนเพื่อนอย่างกระตือรือร้นเมื่อพวกเขามีข่าวดี หรือตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวดีๆของเพื่อน ถือเป็นพื้นฐานที่ดีของมิตรภาพ ในทางกลับกัน การแสดงปฏิกิริยาแบบเฉยเมย หรือมองข้ามความสำเร็จของเพื่อน อาจทำให้ความสัมพันธ์เสื่อมถอยได้
งานวิจัยพบว่า การทำงานอาสาสมัครสามารถช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพ เช่น อาการปวดเรื้อรังและภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ การดูแลสัตว์เลี้ยงยังช่วยเรื่องสุขภาพ และการดูแลต้นไม้ในบ้านก็สามารถช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในวัยชรา
ในปัจจุบัน บางหน่วยงานด้านสุขภาพเริ่มนำแนวทางการ "สั่งจ่ายกิจกรรม" หรือ "social prescribing" มาใช้ โดยแนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน เช่น คลาสศิลปะ กลุ่มปั่นจักรยาน
อีกวิธีหนึ่งที่อดีตสามารถช่วยเสริมสร้างชีวิตในปัจจุบันของคุณคือการเชื่อมโยงกับบรรพบุรุษ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการสำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับต้นตระกูลของครอบครัวสามารถนำมาซึ่งประโยชน์ทางจิตวิทยาอย่างลึกซึ้ง ตัวอย่างเช่น เรื่องเล่าเกี่ยวกับการเอาชนะความยากลำบากของคนในอดีตสามารถมอบแรงบันดาลใจและความเข้มแข็งให้กับคนรุ่นใหม่ได้
ศาสตราจารย์ Susan M. Moore แห่งมหาวิทยาลัย Swinburne University of Technology ในเมืองเมลเบิร์น พบว่าคนที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติครอบครัวมากขึ้นจะมีระดับความพึงพอใจและความสุขในชีวิตที่เพิ่มขึ้น การค้นคว้าเกี่ยวกับแผนผังครอบครัวไม่เพียงช่วยให้เรารู้สึกควบคุมชีวิตตัวเองได้มากขึ้น แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจบทบาทและตำแหน่งของเราในโลกนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
นอกจากนี้ การเชื่อมโยงกับบรรพบุรุษยังช่วยให้เรารู้สึกซาบซึ้งในมุมมองที่กว้างขึ้นและรู้สึกขอบคุณมากขึ้น เมื่อเราได้ตระหนักว่าชีวิตในปัจจุบันเกิดขึ้นได้เพราะความพยายามและความแข็งแกร่งของผู้ที่มาก่อนหน้า ซึ่งทุ่มเทเพื่ออนาคตของคนรุ่นหลัง
คำแนะนำที่ว่า "ลองเขียนสิ่งดีๆที่เจอดูสิ" อาจฟังดูเก่า แต่นี่คือเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่มีหลักฐานสนับสนุนอย่างชัดเจน การเขียนแต่สิ่งสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตสามารถช่วยเพิ่มพูนความสุขได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น การสอบผ่าน หรือการมีลูก หรือแม้แต่สิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ เช่น การได้เจอเพื่อนเก่าหรือการได้เจอกับแสงยามเย็นที่สวยงามระหว่างเดินเล่น งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการฝึกฝนเช่นนี้สามารถพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของคุณในระยะยาว
การตั้งตารอสิ่งที่น่าตื่นเต้นหรือกิจกรรมอันสนุกสนานเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความสุข งานวิจัยยังพบว่าไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมสนุกๆ ได้ ในการทดลองที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย นักวิจัยได้สอนหนูให้ขับ "รถยนต์ขนาดเล็ก" ในห้องทดลอง หนูเหล่านี้ดูเหมือนจะสนุกกับการควบคุมรถและสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ และเมื่อถึงการทดลองครั้งถัดมา มันเริ่มกระโดดขึ้นรถอย่างกระตือรือร้น นักวิจัยยังสังเกตเห็นว่า หนูบางตัวกระโดดเล็กๆ ด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าพวกมันกำลังเพลิดเพลินกับความคาดหวังของความสุข
นักวิจัยตั้งสมมติฐานว่า มนุษย์ก็อาจได้รับประโยชน์แบบเดียวกัน หากเราเริ่มต้นด้วยการตั้งตารอกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่สนุกสนานอย่างสม่ำเสมอ
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ข้อนี้อาจทำให้คุณประหลาดใจ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ความพยายามมุ่งมั่นเพื่อความสุขมากเกินไป อาจกลายเป็นปัญหา ดังนั้นการหยุดพักและปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องพยายาม "ทำให้มีความสุข" อาจเป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาความสงบและความสุขที่แท้จริง
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การตั้งเป้าหมายที่จะมีความสุขมากเกินไปอาจย้อนกลับมาทำให้เราผิดหวัง ตัวอย่างเช่น ในการทดลองที่ให้ผู้เข้าร่วมอ่านเกี่ยวกับความสุขก่อนชมภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจ พบว่าพวกเขารู้สึกผิดหวังมากกว่าที่จะรู้สึกยินดี สาเหตุมาจากการตั้งความคาดหวังไว้สูงเกินไป
การบริโภคคาเฟอีนสามารถทำให้เรารู้สึกตื่นตัว เนื่องจากคาเฟอีนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า การบริโภคคาเฟอีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น การลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด โรคหัวใจ และโรคเบาหวานประเภท 2 รวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางร่างกายและการป้องกันภาวะซึมเศร้า
แต่การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการดื่มคาเฟอีนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันอาจใช้เวลานานกว่าจะออกฤทธิ์ และอาจอยู่ในร่างกายนานจนกระทบต่อการนอนหลับ นักวิทยาศาสตร์แนะนำให้ดื่มคาเฟอีนครั้งสุดท้ายไม่เกิน 8 ชั่วโมง 48 นาที ก่อนเข้านอน นอกจากนี้ เราควรหลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไป โดยไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2-3 ถ้วยกาแฟ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการนอนหลับที่ไม่ดี ปวดหัว คลื่นไส้ และอาการวิตกกังวล