กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพรัสเซียได้ยิงโจมตีขีปนาวุธพิสัยไกล (ATACMS) ของสหรัฐฯ ไปแล้ว 8 ลูก รวมถึงถล่มโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับทั้งหมด 72 ลำตกในพื้นที่เลนินกราด ทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูมิภาคเคิร์สค์ ประเทศยูเครน ซึ่งยูเครนได้เปิดฉากโจมตีแบบกะทันหันเมื่อช่วงปลายฤดูร้อนปีที่แล้ว พร้อมขู่ว่าจะตอบโต้การโจมตีของรัฐบาลยูเครน ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ต่อไป
ทางการรัสเซียยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลดังกล่าว ถือเป็นการยกระดับความรุนแรงครั้งใหญ่ ในการโจมตี เนื่องจากความรุนแรงของอาวุธ ซึ่งมีพิสัยการโจมตีสูงสุดถึง 300 กิโลเมตร นอกจากนี้ กองกำลังของรัสเซียได้ยึดหมู่บ้านนาเดียในเขตลูฮันสค์ทางตะวันออกของยูเครนได้แล้ว ขณะที่เมืองโปครอฟสค์ เมืองยุทธศาสตร์สำคัญในเขตโดเนตสค์ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการรุกคืบของรัสเซีย เนื่องจากยูเครนได้สูญเสียดินแดนทางใต้และทางตะวันออกให้กับกองทัพรัสเซียไปแล้ว
การโจมตีดังกล่าว สอดคล้องกับการรายงานของกองบัญชาการ กองทัพอากาศยูเครน ที่ออกมาเปิดเผยว่า รัสเซียได้ยิงโดรนรวม 81 ลำ ในช่วงค่ำคืนของวันศุกร์ถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 ม.ค. 68) โดยทำลายโดรนหลากหลายประเภท ในจำนวนนี้ เป็นโดรนชาเฮด (Shahed) โดรนพิฆาตสมัยใหม่ที่ผลิตในอิหร่านทั้งหมด 34 ลำ รวมถึงโดรนประเภทอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ได้อนุมัติให้กองทัพยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธพิสัยไกล ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 โดยอ้างความจำเป็นที่ยูเครนจะต้องตอบโต้รัสเซีย กรณีที่รัฐบาลรัสเซียสั่งการให้ทหารเกาหลีเหนือไปประจำการในเขตชายแดนรอบประเทศ ขณะที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ขู่ว่าจะตอบโต้การโจมตีของยูเครนโดยใช้ “โอเรชนิก”(Oreshnik) อาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ระบุว่ารัสเซียอาจซ้อมยิงไปที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน